- 12 มิ.ย. 2566
ไม่ใช่กระบวนการปกติแล้ว หนุ่มเมืองจันท์ ตั้งข้อสังเกต มีอย่างน้อย3ฝ่ายร่วมด้วยช่วยกัน สร้างเอกสารหลักฐานจัดการ พิธา ปมหุ้นสื่อITV
จากกรณีข่าว3มิติ ได้เปิดหลักฐานสำคัญบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าไม่ตรงกับบันทึกการประชุมในเอกสาร ล่าสุดทาง หนุ่มเมืองจันท์ หรือ สรกล อดุลยานนท์ นักเขียนคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเอกสารรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี คาดต้องอาศัยความร่วมมืออย่างน้อย3 ฝ่าย
ข่าวใหญ่วันนี้
“แยม” ฐปณีย์ เปิดคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีในรายการ “ข่าว 3มิติ” จับพิรุธการร้องการถือหุ้นไอทีวีของ “ทิม-พิธา”
จนมีคนตั้งข้อเกตุว่าคล้ายกับมีขบวนการสมคบคิดเพื่อล้ม “พิธา”ก่อนหน้านี้มีการเปิดหลักฐานบันทึกการประชุมไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า “ไอทีวี” ยังทำสื่ออยู่เพื่อมัด “พิธา”
ในเอกสารการประชุมระบุว่า นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นสอบถามว่า “ไอทีวี” มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่ประธานในที่ประชุมตอบว่า “ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”
แต่ในคลิปการประชุมผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ที่ “แยม” เปิดในรายการ “ข่าว 3มิติ” วันนี้
ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามข้อความในบันทึกการประชุม
“ความจริง” เป็นแบบนี้ครับ
- นายภาณุวัฒน์ ถามว่า “มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ”
- นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ตอบว่า“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆนะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”
- คลิปนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการจัดการ “ทิม-พิธา” เรื่อง “ไอทีวี” ไม่ใช่กระบวนการปกติ แต่เหมือนเป็น “ขบวนการ” แบบร่วมด้วยช่วยกัน
โดย หนุ่มเมืองจันท์ มีการสร้างเอกสารชิ้นนี้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่ายอย่างน้อย 3 ฝ่าย
ฝ่ายแรก ส่งลูกน้องไปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี และตั้งคำถามเรื่องการดำเนินการเรื่องสื่อ
แต่คำตอบไม่ได้เป็นไปตามที่หวังอย่าลืมว่าผู้ถือหุ้นคนนี้เข้าประชุมด้วยตัวเอง เขาต้องได้ยินกับหูว่าคำตอบไม่ตรงกับบันทึกการประชุม
แต่ทำไมถึงยืนยันข้อความในเอกสารหรือเป็นเพราะได้รับสัญญานจากฝ่ายที่สองที่สมคบคิด?
ฝ่ายที่สอง ต้องมีอำนาจสูงมากที่สามารถสั่งให้เลขานุการบริษัทเปลี่ยนคำในบันทึกการประชุมจาก “ขาว” เป็น “ดำ” เพื่อมัด “พิธา” ว่า “ไอทีวี” ยังทำธุรกิจสื่ออยู่และมีอำนาจที่สั่งให้ประธานในที่ประชุมยอมเซ็นรับรองเอกสารชิ้นนี้คนๆนี้ถ้าไม่เกลียดหรือโกรธ “พิธา” เป็นการส่วนตัวเขาต้องเดือดร้อนมากหาก “พิธา” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
และฝ่ายที่สาม คือ คนที่รับเรื่องทั้งหมดไปยื่นร้องเรียนที่ กกต. เรื่องนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากครับ