- 14 มิ.ย. 2566
พ่อน้องเตย เด็ก4ขวบสู้ชีวิต เคลื่อนไหวล่าสุด ออกมาแจงข้อเท็จจริง เปิดใจสาเหตุไม่ได้ส่งเงินให้แม่ตาบอด และลูกสาว วอนสังคมเข้าใจ
กรณี ครูอุ้ม น.ส.พัชรินทร์ เอสะตี ครูโรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์คลิปลงในโซเชียล เล่าเรื่องราวของ น้องเตย อายุ4ปี ด.ญ.สุธีมนต์ จินดาศรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ชั้นอนุบาล 2 สู้ชีวิตช่วยทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง พร้อมดูแลย่าตาบอด "นางเสา จินดาศรี" อายุ 68 ปี ตามลำพัง 2 ย่าหลานใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก นอนอยู่บนเตียงใต้ถุนบ้านที่มีเพียงแผ่นไม้กั้นเป็นผนัง มีช่องว่างขนาดใหญ่จำนวนมาก หากฝนตกก็สาดโดนจนเปียก
โดยเวลาน้องเตยไปโรงเรียน ย่าก็จะใช้ไม้เท้าคลำทางจูงมือหลานไปส่งโดยหลานจะเป็นคนคอยบอกทางระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร อาหารการกินก็อาศัยเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท
ซึ่งก็มีความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนเข้ามายังน้องเตย กับคุณย่าเป็นจำนวนมาก โดยเรื่องเงินบริจาคช่วยเหลือสองย่าหลานล่าสุด มีกว่า 1 ล้านบาท โดยย่าขอประกาศปิดรับบริจาคแล้ว เพราะยอดเงินเพียงพอที่จะดำเนินชีวิตสองย่าหลานแล้ว ขณะที่ผู้ประกาศข่าวช่องดังขอส่งเสียน้องเตยเรียนตามที่น้องมีความสามารถเรียนได้ พร้อมกับมี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ขอรับส่งเสียน้องเตย อุปการะจนเรียนจบปริญญาเอก
ในส่วนความเคลื่อไหวของพ่อน้องเตย ซึ่งปัจจุบันทำงานอยู่ที่จังหวัดระยอง ก็ได้ออกมาชี้แจงแก้ข่าว หลังมีข่าวในโลกออนไลน์ว่า ตนเองไม่เคยกลับไปเยี่ยมลูกสาว และแม่ ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ตนเอง เพิ่งกลับไปหาน้องเตย เมื่อเดือน พ.ค.66 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า จะไม่ขอยุ่งกับยอดเงินบริจาคทั้งหมดกว่า1ล้านบาท เห็นว่าแม่ของตนและลูกสาว ได้น้ำใจจากคนไทยช่วยเหลือจำนวนมาก ตนก็ดีใจมากๆแล้ว ขอบคุณผู้ใจบุญทุกๆท่าน
ส่วนเรื่องที่ตนและภรรยา ไม่ได้ส่งเงินกลับไปช่วยเหลือแม่และน้องเตย นั้น
- ยอมรับว่ามีรายได้ไม่เพียงพอ ปกติก็ใช้เดือนชนเดือน เพราะมีภาระต้องผ่อนรถ รวมไปถึงค่าเช่าบ้าน
อย่างไรก็ตามมีความตั้งใจว่า จะส่งเงินไปกลับไปให้แม่และลูกสาว ในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจาก ผ่อนรถหมดแล้ว ถามว่ารักลูกไหม ตนรักลูกและเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว วอนขอให้สังคมเข้าใจด้วยว่า มีรายได้ไม่พอ ที่ผ่านมาแม่ของตนจะมีเงินช่วยเหลือจากภาครัฐไว้ใช้จ่ายกับลูกสาว โดยได้จากเบี้ยคนชราเดือนละ 600บาท และเบี้ยผู้พิการเดือนละ 800 บาท