- 15 มิ.ย. 2566
โรงเรียนออกแถลงการณ์ชี้แจง "หยก" ไม่มามอบตัวตามกำหนด จึงไม่มีสถานะเป็นนักเรียน ยืนยันไม่เคยปฏิเสธการรับ นร.เข้าเรียน
จากกรณีที่ "หยก" เยาวชนอายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 นักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งตกเป็นจำเลยในคดี ม.112 ได้โพสต์ข้อความหยกถูกไล่ออกจากโรงเรียน ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตามที่ปรากฏข่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2566 นายปรีชา จิตรสิงห์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนา ลงนามในแถลงการณ์ ฉบับลงวันที่ 14 มิ.ย. 2566 เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยเนื้อหาระบุว่า
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามสื่อต่างๆ และช่องทางโซเชียลมีเดียนั้น คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียน สมาคมนักเรียนเก่า ชมรมครูเก่า เครือข่ายผู้ปกครอง รวมถึงสภานักเรียน ขอแถลงการณ์ ดังนี้
1. หยก สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมาย วันที่ 1 เม.ย. 2566 มารดาของหยก มาบันทึกขอเลื่อนการมอบตัวเพื่อศึกษาต่อระดับชั้น ม.4
ต่อมาวันที่ 19 พ.ค. 2566 โรงเรียนได้รับรายงานตัวหยกไว้ก่อน เพื่อรักษาสิทธิ์ในการศึกษาต่อ (หลังจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จ.นครปฐม ได้ปล่อยตัวในคดี ม.112)
ซึ่งในการรายงานตัวดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ซึ่งโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนเข้าเรียนก่อน และเน้นย้ำให้นำผู้ปกครอง (มารดา) มามอบตัวนักเรียนให้สมบูรณ์ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โรงเรียนจะต้องยืนยันข้อมูลจำนวนนักเรียนในระบบ DMC ของกระทรวงศึกษาธิการ
แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566
2. หลังจากหยกเข้าเรียนในวันที่ 22 พ.ค. 2566 โรงเรียนได้ชี้แจงให้รับทราบระเบียบแนวปฏิบัติตามคู่มือนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ที่ผ่านการประชาพิจารณ์โดยภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน และนักเรียนทุกคนได้ปฏิบัติตามระเบียบนี้ แต่หยกไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่แต่งกายชุดนักเรียน การทำสีผม การมาเรียนตามเวลา/รายวิชาตามความพอใจของนักเรียน รวมทั้งขอไม่เข้าร่วมกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมหน้าเสาธง และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการไม่ยอมรับกฎระเบียบและไม่เข้าสู่กระบวนการของโรงเรียน
3. โรงเรียนขอเน้นย้ำให้ทราบว่า ไม่เคยปฏิเสธการรับนักเรียนเข้าเรียน และได้ให้การดูแลตามระบบ ดูแลการช่วยเหลือนักเรียนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ถึงแม้นักเรียนไม่ได้ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพฤติกรรม ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น