- 03 ก.ค. 2566
ทำความรู้จัก พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างที่มีลักษณะโดดเด่น ช้างงาอุ้มบาตร หรือ งาอุ้มบาตร กับความเชื่อโบราณของชาวศรีลังกา
พลายศักดิ์สุรินทร์ กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพเมื่อวันที่ 2ก.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ เป็นผู้รับตัวพ่อพลายมายังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯลำปาง มากักโรคมีการเฝ้าระวัง 30 วัน ตามระเบียบควบคุมโรคระบาดสัตว์ พร้อมติดกล้องวงจรปิด สังเกตอาการก่อนเปิดให้เข้าเยี่ยม โดย"พลายศักดิ์สุรินทร์" ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรี ยังศรีลังกา นานกว่า 22ปี หรือที่เรียกในภาษาศรีลังกาว่า มุทุราชา (Muthu Raja) กับความเชื่อโบราณเรื่อง "งาอุ้มบาตร"
ทำความรู้จัก พลายศักดิ์สุรินทร์
“พลายศักดิ์สุรินทร์”ถือว่าเป็นช้างไทยเชือกที่ 3 ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ประเทศศรีลังกาเมื่อปี พ.ศ.2544 เพื่อนำไปฝึกใช้ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของศรีลังกา โดยไทยได้มอบพ่อพลายให้แก่วัด Kande Vihara เป็นผู้ดูแล
ไทยส่งช้าง3เชือก เป็นทูตสันถวไมตรีให้ศรีลังกา
ย้อนไปเมื่อปี 2523 ประเทศไทยได้ส่งช้างเชือกแรกไปเป็นทูตสันถวไมตรีให้ศรีลังกา คือ พลายประตูผา ซึ่งปัจจุบันพลายประตูผา มีอายุ 49ปี จากนั้นในปี พ.ศ. 2544 ประเทศศรีลังกาได้ขอลูกช้างจากประเทศไทย เพื่อนำไปฝึกใช้ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของศรีลังกา ที่มีการจัดอย่างต่อเนื่องมากว่า 270 ปี รัฐบาลไทยจึงส่งช้าง 2 เชือกไปเป็นทูตสันถวไมตรี ได้แก่ พลายศรีณรงค์ และพลายศักดิ์สุรินทร์
เอกลักษณ์ของ พลายศักดิ์สุรินทร์
ความโดดเด่นของ พลายศักดิ์สุรินทร์ คือ “งาอุ้มบาตร” ตามความเชื่อของชาวศรีลังกาเชื่อว่า “ช้างงาอุ้มบาตร” คือช้างที่มีลักษณะงาขนาดยาวและโค้งเหมือนแขนพระที่อุ้มบาตร ตามความโบราณเชื่อของชาวศรีลังกา เชื่อกันว่าช้างที่มีลักษณะงาแบบนี้เหมาะกับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระเขี้ยวแก้ว
งาอุ้มบาตร กับความเชื่อโบราณของชาวศรีลังกา
ด้วยความที่ พลายศักดิ์สุรินทร์ มีงายาวถึง 50 ซม. ทั้งสองข้าง ถือเป็นช้างที่มีงายาวที่สุดในศรีลังกา เนื่องจากช้างในศรีลังกาส่วนใหญ่จะมีงาสั้น ทำให้หาช้างที่มีลักษณะงาอุ้มบาตรอย่าง พลายศักดิ์สุรินทร์ได้ยาก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้"พลายศักดิ์สุรินทร์"ถูกใช้งานอย่างหนักด้วยการเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพมานานกว่า 10 ปี และไม่มีการรักษาอย่างเหมาะสม