- 18 ก.ค. 2566
'ทนายเดชา' ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ฟาดแหลก สว. กินภาษีแต่ฟ้องปชช. ลุยฟ้องกลับ ไล่ไปดูแลตลาด คนเงียบเชียว
วันที่ 18 ก.ค.66 ที่ศาลอาญามีนบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้อง นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแถลงข่าวว่าได้ดำเนินการฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา ทนายความชื่อดัง 2 คน และประชาชนที่แสดงความคิดเห็นโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท กระทบต่อธุรกิจของครอบครัว และเครือญาติของสว.
นายเดชา ได้โชว์หลักฐานที่นำมาฟ้องกลับ พร้อมกล่าวว่า นี่คือคำพูดของ นายเสรี ได้พูดบอกว่าประชาชนเป็นพวกอันธพาล ด่าว่าโง่ พวกเห็นต่างทางการเมืองเป็นพวกทำลายชาติทำลายสังคม ทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของประเทศไทย คำพูดเหล่านี้ตนมองว่าเป็นคำพูดที่หมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายเดชา ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่ นายเสรี นำมาฟ้องนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ตนไลฟ์สดแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ และข้อความคำพูดที่กดไลท์นั้น ตนไม่เคยเอ่ยชื่อ ส.ว. คนใด แต่กลับมีคนร้อนตัวมาฟ้องตน และทุกอย่างที่ตนพูดเป็นความจริง ทั้งที่บอกว่าเงินเดือนของ ส.ว. นั้นมาจากภาษีประชาชน
แล้วที่บอกว่า 14 ล้านเสียงนั้นเป็นเสียงข้างน้อย และที่ตนพูดว่าเป็น ส.ว. ต้องรำลึกบุญคุณของประชาชน ต้องเป็นกลางและฟังเสียงของประชาชน และต้องหนักแน่นยอมรับคำวิจารณ์ของประชาชน เพราะเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงการที่ตนพูดว่า ส.ว.บางคนนั้นเผด็จการ ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และยืนยันว่าทุกสิ่งที่ตนพูดในไลฟ์สดนั้นเป็นสิ่งที่พูดแทนใจคนดู
โดยส่วนตัวยังเห็นว่า การที่ ส.ว.ฟ้องตนและทนายความที่มีแนวคิดทางการเมืองเดียวกันนั้น เป็นการฟ้องปิดปากในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เหมือนเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อให้ประชาชนไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนขอประกาศว่าอย่ากลัว เราต้องกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะตนก็ไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลอะไร แต่กลับรู้สึกสมเพชการกระทำมากกว่า ไม่ว่าใครที่โดน ส.ว.ฟ้องให้มาบอกตน จะยินช่วยเหลือทางด้านกฎหมายให้
นอกจากนี้ นายเดชา ยังพูดถึงหน้าที่ของ ส.ว.ว่า ต้องโหวตตามเสียงข้างมาก เพราะเมื่อปี 2562 ส.ว.ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาก็มีการโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามเสียงข้างมากขณะนั้น แต่ ทำไมในปี 2566 ถึงไม่โหวตตามเสียงข้างมากของประชาชนที่เลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และบอกว่าการที่ไม่โหวตตามเสียงข้างมากนั้น ส.ว.ไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลย
อีกทั้งยังฝากไปถึง นายเสรี ในฐานะคนที่เคยรู้จักกันมานานและเคยว่าความร่วมกันมาบอกว่า ให้เอาเวลาที่ฟ้องประชาชนไปดูแลตลาดให้ดี เพราะไม่มีใครไปเดินแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นผลกรรมที่ทำไว้กับประชาชนก็ได้ และอยากขอให้ฟังเสียงของประชาชนอย่าเอาเรื่องถูกคุกคามมาเป็นข้ออ้างในการไม่โหวต นายพิธา และมองว่าการที่ประชาชนไม่สนับสนุนธุรกิจเครือญาติของ ส.ว. นั้นถือไม่เป็นความผิดหรือว่าคุกคาม เพราะเป็นวิถีที่ในต่างประเทศก็ใช้กัน หรือที่เรียกว่า การแบน
สำหรับคดีที่ตนฟ้อง นายเสรี นั้นทางศาลอาญามีนบุรี นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 4 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ส่วนคดีที่ นายเสรี ฟ้องตน ศาลอาญาตลิ่งชันนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 11 ก.ย.นี้