โศกนาฏกรรมสลด รถไฟชนกระบะ คร่าชีวิต 8 ราย

จากกรณีที่เกิดเหตุสุดสลด เมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนวันที่ 4 ส.ค.66 ที่ผ่านมา  โดยทางด้าน ร.ต.อ.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟชนรถกระบะ ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหลายราย บริเวณทางตัดทางผ่านรถไฟคลองอุดม ใกล้เคียงสถานีรถไฟคลองอุดมชลจร หมู่ 6 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธโสธรและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือ

 

ในที่เกิดเหตุพบรถไฟขบวนสินค้า 833 บรรทุกแป้งในตู้คอนเทนเนอร์ ต้นทางไอซีดีลาดกระบัง ปลายทางแหลมฉบัง จอดติดเครื่องอยู่ ส่วนบริเวณถนนดินข้างรางรถไฟพบผู้เสียชีวิต นอนเรียงรายเป็นทางยาวจำนวน 8 ราย จากการเดินสำรวจตรวจสอบ พบเป็นชาย 5 รายและ หญิง จำนวน 3 ราย นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย

ด้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำการปฐมพยาบาลก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลพุทธโสธร ส่วนรถยนต์กระบะที่ถูกชน ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 1 ฒฆ 5942 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหายพังยับเยิน หลังถูกรถไฟชนเข้าช่วงท้ายกระบะด้านซ้าย จอดอยู่ริมทาง มีนายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 55 ปี เป็นคนขับ ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่

โดยนายวิชัย เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจากวัดบัวโรย เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยบรรทุกคนงานที่กำลังจะมาจับปลา ที่บ่อปลาในพื้นที่คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางตัดรถไฟ ตนเองเห็นรถไฟกำลังวิ่งมา แต่คนในรถบอกให้ข้ามไปเลยยังทันอยู่ แต่เมื่อตัดสินใจขับรถข้ามทางรถไฟไปนั้น เกิดไม่ทันรถไฟได้พุ่งชนเข้าด้านท้ายรถกระบะของตนอย่างจัง จนรถหมุนตกลงมาข้างทาง ส่วนคนงานที่นั่งโดยสารมาด้านหลัง ก็หล่นกระเด็นกระดอนนอนเสียชีวิต

ขณะเดียวกัน นายสุรพัฒน์ ประสพ อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้ที่นั่งมาในกระบะ เปิดเผยว่า ตนเองก็เดินทางมาจับปลากับพี่ๆ แถวบ้าน ขณะนั้นบางคนยังนั่งหลับอยู่ภายในรถ ตนเองเห็นท่าไม่ดี เมื่อรถไฟที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว กำลังวิ่งเข้ามาหารถกระบะ ตนเองจึงตัดสินใจรีบกระโดดออกมาจากรถ ไม่นานนักรถไฟก็วิ่งเข้าชนรถกระบะที่ตนเองนั่งมาอย่างจัง จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ส่งสถาบันนิติเวช เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

ขอบคุณภาพจาก หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา