- 11 ส.ค. 2566
หลวงพี่น้ำฝน หรือพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ยื่นฟ้องคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แพรรี่ ไพรวัลย์ - หนุ่ม กรรชัย และพวกรวม 10 คน
11 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 น. หลวงพี่น้ำฝน หรือพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม มอบอำนาจให้ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความและไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม มาที่ศาลจังหวัดนครปฐม เพื่อยื่นฟ้องคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กับ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร จำเลยที่ 1, นายจตุรงค์ จงอาสา จำเลยที่ 2, บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด จำเลยที่ 3, นายภูดิท หรือกรรชัย กำเนิดพลอย จำเลยที่ 4, นางสาวปทิดา กำเนิดพลอย จำเลยที่ 5, บริษัท บีอีซี-มัลติมิเดีย จำกัด จำเลยที่ 6, นางสาวรัตนา มาลีนนท์ จำเลยที่ 7, นางสาวนิภา มาลีนนท์ จำเลยที่ 8, นางสาวอัมพร มาลีนนท์ จำเลยที่ 9 และนางรัชนี นิพัทธกุศล จำเลยที่ 10
ในคำฟ้องได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 12 นาฬิกาเศษ นายกรรชัย ได้เชิญนายไพรวัลย์ และนายจตุรงค์ มาในรายการ โหนกระแส โดยมีหัวข้อเรื่องว่า "แพรี่" ฟาดกลับ "หลวงพี่น้ำฝน" ปกป้องพระพยอม กรณีที่พระพยอม กลฺยาโณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับการเมือง และพาดพิงสถาบันฯ
ซึ่งต่อมา หลวงพี่น้ำฝน ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม ห้ามมิให้พระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่เหมาะสมในการพูดเรื่องสถาบัน ปรากฏว่า นายกรรชัยฯ ก็ได้เชิญนายไพรวัลย์ฯ และนายจตุรงค์ฯ มาออกรายการ โหนกระแส มีข้อความอันเป็นการร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โดยนายไพรวัลย์ฯ จำเลยที่ 1 กับพวก หมิ่นประมาทโจทก์โดยกล่าวหาโจทก์ว่าใช้โอกาสที่พระพยอม กลฺยาโณ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและดูหมิ่นสถาบัน มีประชาชนเข้ามาตำหนิติเตียนและโจทก์อาศัยจังหวะและโอกาสได้ทีขี่แพะไล่ ซึ่งหมายถึง พูดซ้ำเติมพระพยอม กลฺยาโณ ว่า เมื่อพระพยอมเพลี่ยงพล้ำแสดงว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี และหาว่าเป็นคนพาลไม่ควรที่จะไปทะเลาะด้วย โดยเปรียบเทียบว่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง เป็นคนละเมิดพระธรรมวินัย การลงนะหน้าทองเป็นพระสายเวทย์และไสยศาสตร์ทำคุณไสย และโจทก์เป็นคนไม่ดี และการปลุกเสกแมสมียันต์เป็นการทำคุณไสย เป็นพระผู้ใช้เดรัจฉานวิชา เป็นพระที่ไม่น่าเลื่อมใส โจทก์เป็นพระชอบโหนกระแสหรืออยากดัง ชอบปลุกเสกเลขยันต์ ชอบปลุกเสกกระเป๋าแบรนด์เนม ทำให้คนงมงาย เป็นพระวินยาธิการต๊อกต๋อย ก็คือเป็นพระกระจอกต้อยต่ำเป็นการดูหมิ่น ดูแคลน และเหยียดหยาม โจทก์เป็นผู้เลี้ยงชีพโดยมิชอบ ใช้เดรฉานวิชา ไม่สมกับการเป็นพระ