- 12 ส.ค. 2566
ทำเกินไปไหม เทศกิจชลบุรีจับพ่อค้าแม่ค้าฝ่าฝืนขายของ ลุงขายขนมปังเย็นตกใจช็อกหัวใจวาย ล้มทั้งยืนหลังขอบัตรประชาชน
กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งออกมาเผยคลิปขณะตัวเองกำลังไปเดินหาของทานที่สะพานชลนารควิถี ชลบุรี และพบเข้ากับเหตุการณ์เทศกิจกำลังปฎิบัติหน้าที่จับพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของบริเวณนั้น ต่อมากลายเป็นเหตุให้มีพ่อค้าขนมปังเย็นหัวใจวายขณะเทศกิจไล่ขอดูบัตรประชาชน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ส.ค. โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านนี้ยังได้เล่าเหตุการณ์ประกอบคลิปเอาไว้ว่า...
ตำรวจเทศกิจปฎิบัติหน้าที่จับพ่อค้าแม่ค้าบนสะพานชลมารควิถีผลปรากฏว่ามีพ่อค้าขายขนมปังเย็นซึ่งมีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจและตกใจเพราะถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจตะโกนเสียงดังว่า เอาบัตรประชาชนมา กลัวถูกจับและต้องการเคลื่อนย้ายร้านขายของตนเหมือนกับพ่อค้าแม่ค้าเจ้าอื่นเลยล้มลงหัวใจวายและมีเจ้าหน้าที่มูนิธิมาช่วยเหลือดังภาพที่เห็น
ต่อมา น.ส.วรรณดี เมืองแก้ว หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลเมืองชลบุรี เปิดใจถึงเหตุการณ์นี้ว่าก่อนหน้า ทางอำเภอได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 หน่วยงานพร้อมกับพ่อค้าแม่ค้ามาประชุมหาลือกัน เพื่อหาทางออกหลังมีเรื่องร้องเรียน พรบ.ความสะอาดของกระทรวงสาธารณะสุข หลังจากที่มีการขายของบนสะพานใหม่จนทำให้การจราจรติดขัด รถไม่สามารถสัญจรกันได้ และทิ้งขยะลงทะเล หรือทิ้งตามสะพานใหม่ หาทางออกโดยการห้ามขายของบนสะพานใหม่ มีการติดป้ายไว้ชัดเจน
โดยเริ่มจับจริงตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางพ่อค้าแม่ค้าก็ยังรั้นมาขายของ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่่ต้องออกตรวจและจับจริงตามที่ตกลงกันไปก่อนหน้านี้ โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาล เจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี โดยแต่ละหน่วยงานจะได้รับมอบหมายของแต่ละเขตของตัวเอง ซึ่งเมื่อคืนก็รับแจ้งว่ามีรถขายของริมถนนทำให้รถติดขัด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ออกไปจับตามหน้าที่
ส่วนลุงคนที่ป่วยนั้นเมื่อคืนเจ้าหน้าที่เทศกิจได้ขอบัตรประชาชนไว้เพื่อจะได้ทำประวัติ แต่ลุงมีโรคประจำตัวจึงทำให้ตกใจจึงช็อกแล้วล้มลง เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงได้ช่วยเหลือโดนการปั๊มหัวใจช่วย โดยมีสาวพลเมืองดีอีก 2 คนที่มาช่วยปั๊มหัวใจ จนลุงกลับมาฟื้นมีสติ ก่อนจะประสานรถกู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล ตนก็อยากฝากถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ยังฝ่าฝืนขายของอยู่ อยากให้ทำตามกฎและระเบียบด้วยเพราะเจ้าหน้าที่ก็ทำตามหน้าที่เช่นกัน
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Sutas Changkaha