ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

ครูบิ๊ก พีรมณฑ์ ชมธวัช เปิดใจทีมข่าวไทยนิวส์ ดราม่าโลโก้ขวดชาร้าน "ปังชา" คล้ายผลงานที่เคยออกแบบ ไม่เคยได้รับคำขอโทษ ชี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องมีการดำเนินการ

วันที่ 2 กันยายน 2566  ครูบิ๊ก พีรมณฑ์ ชมธวัช เจ้าของไอเดียและผลงานภาพนิ่งในปฏิทินสุรายี่ห้อดังได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น กับกรณีโลโก้ร้านปังชาที่อยู่บนขวดและแก้วชามีความเหมือนในหลายๆจุดกับผลงานที่ครูบิ๊กเป็นผู้ออกแบบ ชี้ ที่จะเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ รอดูต่อไปว่าทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

 

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

 

เห็นรูปโลโก้นี้จากไหน มีใครส่งให้หรือเห็นเอง?

ครูบิ๊ก : ผมเห็นในข่าวในฟีดโซเชียลมีเดียต่างๆข่าวดราม่าเรื่องของร้านดัง เมื่อดูไปก็เห็นมีการพูดถึงภาพวาดลิขสิทธิ์ลายเส้นผู้หญิงชุดไทย เห็นแล้วก็เอ๊ะ ทำไมเราคุ้นจัง มันทำให้เรารู้สึกนึกถึงงานของตัวเองที่เคยทำชุดให้ปฏิทินรีเจนซี่ 2550 เป็นภาพนิ่งผู้หญิงนั่งพับเพียบ ก็เลยมานั่งพิจารณาดู และหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าคืออะไร ปังชาคืออะไรมีสินค้าและบริการแบบไหน ก็ไปพบว่าอันที่เหมือนมากเลยคืออันที่อยู่บนขวดชานำกลับบ้านและแก้วชาที่เขาออกตัวชัดมากในเฟซบุ๊กว่าได้รับการจดสิทธิบัตรทางกฎหมาย

 

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

 

ผมรู้สึกว่ามันคล้ายกับของเรามากที่มีผู้หญิงนั่ง แล้วก็มีพร็อพอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันหมดหลายจุด เครื่องประดับก็ตรงหมดเลย โครงสร้าง ลายเส้นภาพ ลักษณะท่าทางการผายมือมันตรงกับภาพรีเจนซี่มากจนทำให้นึกถึง เห็นปุ๊บแล้วทำให้นึกถึงได้เลย เราก็เลยเกิดความสงสัยมากก็เลยโพสต์ถามในโซเชียลเลย ถามเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วยเลยอยากรู้เหมือนกันว่าวาดเอง คิดเอง หรือมีใครไปเห็นรูปนี้แล้วมาวาด ต้องการความกระจ่างเพราะเห็นเขาซีเรียสเรื่องการพิทักษ์ลิขสิทธิ์ความเป็นoriginal ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญามาก จนใช้เรื่องพวกนี้ไปยื่นโนติสคนอื่น

ก็อยากจะถามว่าแล้วเรื่องภาพวาดพวกนี้เขาให้ความสำคัญในเรื่องของลิขสิทธิ์ทางปัญญาของผู้อื่นไหม และถามสังคมด้วย ให้สังคมตัดสิน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าทุกคนคิดเหมือนผมไหม ผมก็ไม่อยากคิดไปคนเดียว

ซึ่งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้ไล่ดูคอมเมนต์ในโซเชียลแทบทุกแพลตฟอร์ม พูดตรงกันเกือบ 100%  ดูได้จากรายการข่าว นักข่าว พิธีกรเอาภาพนี้ขึ้นไปอ่านกันก็มีรีแอคชั่นไปในทางเดียวกันหมดเลยว่านึกถึงจริงๆคล้ายจริงๆจนยังพูดออกอากาศกันเลยว่าเป๊ะจริงๆ ผมก็ได้ความกระจ่างแล้วว่าทุกคนก็คิดเหมือนกันกับเรา

หลังเกิดเรื่องทางร้านมีการติดต่อมาหาหรือไม่?

ครูบิ๊ก : หลังจากที่โพสต์ไปทางร้านปังชาก็ยังไม่เคยและไม่มีการติดต่อใดๆมาเลย

ได้ฟังที่ร้านมาอธิบายในรายการแล้วคิดเห็นอย่างไร ?

ครูบิ๊ก : ในส่วนที่ทางร้านได้อธิบายที่มาของรูปภาพว่าใช้รูปของตัวเองเป็นแบบแล้วนำมาเทียบกัน อธิบายเพียงรูปผู้หญิงที่นั่งเดี่ยวๆใส่ผ้าคาดอกสีชมพู แต่เมื่อเปิดรูปอีกรูปที่เป็นรูปบนขวดชาของทางร้าน ซึ่งเป็นคนละรูปกับที่ร้านพยายามชี้แจง ทางร้านก็ไม่ได้ชี้แจงในรูปนี้ให้ชัดเจน แต่บอกว่าไปจ้างน้องคนหนึ่งของบริษัทแห่งหนึ่งวาดให้ และไม่บอกด้วยว่าเป็นใคร คนวาดชื่ออะไรของบริษัทอะไร ไม่มีคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น

 

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

 

อยากรู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมประกาศหาอยู่ว่าใครเป็นคนวาด แล้วบริษัทที่รับวาดคือบริษัทอะไร ก็ไม่มีการเปิดเผยเลย กระทั่งจบรายการก็ยังไม่มีคำขอโทษผมใดๆทั้งสิ้นหรือขอโทษทางรีเจนซี่ใดๆทั้งสิ้น

สังเกตไหมครับ เขาไม่ขอโทษเลย และไม่ติดต่อมาด้วย

 

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

 

จากนี้เลยคิดว่าคงปล่อยเป็นหน้าที่ของทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาและคณะกรรมการพิจารณาทรัพย์สินทางปัญญาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรกับทางปังชา เพราะฟังจากทนายดังๆหลายคนให้ความเห็นตรงกันว่ามันสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ จึงรอดูทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อน แต่ถ้าไม่มีการดำเนินการอะไรก็ต้องดูกันต่อไป

ถ้าหาตัวคนวาดเจอจะมีการพูดคุยกันอย่างไร หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อ?

ครูบิ๊ก : ตอนนี้อยากพูดคุยกับทางดีไซน์เนอร์คนวาดรูปภาพนี้ก่อนอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ครูบิ๊ก ลั่น ปังชาไม่เคยขอโทษ ที่แจงมันคนละรูป จี้กรมทรัพย์สินฯต้องขยับ

 

ครูบิ๊กเผยด้วยว่า เรื่องนี้ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องมีความเคลื่อนไหวแล้วว่าอนุมัติโลโก้ขวดชากับแก้วน้ำนั้นไปได้อย่างไร อยากตั้งคำถามและอยากฝากไปยังคณะกรรมการพิจารณาเครื่องหมายการค้าว่าคุณจะทำอย่างไรกับกรณีอย่างนี้ให้เป็นบรรทัดฐานทางสังคม ให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างเลย หรือต้องให้ประชาชนฟ้องเอง รอดูอยู่ว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับกรณีนี้ที่มันค่อนข้างชัด ดูว่าจะมีการเพิกถอนเครื่องหมายการค้าไหม