- 11 ก.ย. 2566
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต แนะขุดรากถอนโคนเครือข่ายกำนันนก สลดใจตำรวจสยบผู้มีอิทธิพล ต้องสืบให้ลึกทั้งเครือข่าย
"ไทยนิวส์ออนไลน์" สัมภาษณ์ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต เกี่ยวกับคดีอุกอาจสะเทือนวงการสีกากีกับคดีกำนันนกนครปฐมสั่งลูกน้องคนสนิท หน่อง ท่าผา ยิงปลิดชีพ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์
ตอบประเด็นที่ยังคาใจสงสัย และกฎหมายที่จะนำมาใช้จัดการกับปัญหามาเฟียหรือขบวนการผู้มีอิทธิพลซึ่งไม่ธรรมดาถึงขั้นตำรวจยศใหญ่ยังมานั่งดื่มสังสรรค์ด้วยซ้ำยังมีการช่วยปกปิดและพาหลบหนี
สอบถาม รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง ว่ายังมีความสงสัยอะไรบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่ง อาจารย์โต้ง เผยว่ายังสงสัยในแทบทุกประเด็น ตั้งแต่ว่าทำไมนายตำรวจหลายนายถึงไปที่บ้านกำนันคนนี้กันเยอะ และเชื่อว่าไม่ใช่ครั้งแรก ต่อมาถ้าไม่ใช่ครั้งแรกก็แสดงว่าน่าจะต้องมีมาก่อนหลายครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ต่อมา ถ้าสนิทสนมคุ้นเคยจริง ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเพราะฉะนั้นถ้ามีพฤติกรรมสนิทสนมกับผู้ที่มีตำแหน่งหรือมีธุรกิจที่มีความหมิ่นเหม่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประมูลงาน ก็อาจจะเป็นข้อสงสัยได้ว่ามีผลประโยชน์อะไรที่เกี่ยวข้องแอบแฝงกันหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจส่วนหนึ่งที่ไปร่วมงานก็เป็นตำรวจทางหลวง และกำนันที่มีส่วนร่วมก็ทำธุรกิจที่ต้องวิ่งผ่านเส้นทางเพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วว่าต้องเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะตำรวจก็เป็นพื้นที่จังหวัดนครปฐม ก่อนหน้านี้คุณวิโรจน์ ก็มีการพูดถึงส่วยรถบรรทุกในพื้นที่นครปฐมด้วย เรื่องนี้ต้องตรวจสอบ
ประการต่อมาเป็นถึงตำรวจ พันตำรวจเอก เราต้องไปสนิทสนมกับกำนันถึงขนาดนั้น และที่มีข่าวมีภาพออกมาว่าถึงขั้นถอดเสื้อสังสรรค์กันก็แสดงว่ากำนันคนนี้ไม่ธรรมดา อาจารย์โต้งเชื่อว่าตำรวจหลายนายที่ยังรับราชอยู่คงเลือกที่จะไม่ทำแบบนี้ กระทั่งผมเอง ถ้าผมยังทำงานอยู่กองปราบ ผมก็ไม่ทำอย่างนี้ เพราะเราเป็นตำรวจ เรามีศักดิ์ศรีของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องแยกให้ออกระหว่างความชั่วกับความดี เหมือนกับที่สารวัตรศิวกรเลือกที่จะอยู่เคียงข้างความดี
ในช่วงเกิดเหตุเรื่องที่ตำรวจหลายๆคนรวมถึงอาจารย์โต้งไม่สบายใจคือตำรวจไปกัน 20 กว่าคน อย่างน้อยต้องมี 1 คนที่พกปืนเพราะเป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามคนร้ายโดยตรง ถามว่าตอนที่รุ่นน้องนายตำรวจโดนยิง
ทำไมไม่มีใครหยุดยั้งสถานการณ์ น่าสลดไปกว่านั้น ปืนที่ยิงก็เป็นปืนของตำรวจที่ซื้อตามโครงการสวัสดิการ และยังมีตำรวจคุ้มกันพาหลบหนีอีก ทำไมตำรวจเหล่านี้ไม่มีจิตสำนึกเลย เขายิงเพื่อนร่วมอาชีพคุณ คุณยังไปพาเขาหนี เป็นสิ่งที่สังคมและตำรวจในประเทศหลายคนก็ไม่สบายใจ
รถที่ตามไปก็ไปกันหลายคัน สะท้อนให้เห็นว่ากำนันไม่ธรรมดา สมุน บริวาร พร้อมตามไปด้วย ตรงนี้ต้องตรวจสอบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด ถ้าเป็นเครือข่ายต้องมีการรื้อขุดรากถอนโคนให้หมด
อาจารย์โต้งเผยถึงเรื่องการใช้กฎหมายฟอกเงินว่าจะสามารถนำมาจัดการกับคดีที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร เรื่องนี้อาจารย์โต้งเผยว่าถ้าตามหลักสากลพบว่าการใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าจัดการ ยึดทรัพย์เครือข่าย มาเฟียต่างๆ จะสามารถหยุดยั้งปัญหานี้ได้ผลทันที เช่นคุณทำธุรกิจมืดอะไรมามีทรัพย์สินเป็นพันล้านถ้าใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าจัดการยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน จบเลย กรณีนี้ก็เช่นกัน ซึ่งต้องขยายข้อมูลในเชิงลึกหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
"ผมว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีของท่านนายกรัฐมนตรี พิสูจน์สัญญาประชาคมที่ท่านให้ไว้"
สิ่งที่ต้องทำเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต อาจารย์โต้ง ชี้ ต้องทำในหลายวิธีการ
1.อาวุธปืน เป็นอาวุธที่ร้ายแรง ต้องมีการจำกัดการเข้าถึง ยกตัวอย่างเช่นนายหน่อง มีปืนได้อย่างไร ได้จากตำรวจซื้อโดยสวัสดิการก็ต้องไปสืบว่าแล้วหลุดมาถึงนายคนนี้ได้อย่างไร
2.ต้องมีระบบในการติดตาม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เฝ้าระวังพฤติกรรม ติดตามตรวจสอบ และต้องโปร่งใสเข้าถึงได้ มีมาตรการลงโทษที่ชัดเจน เรื่องนี้ไม่ได้คิดเองไม่ได้พูดมาลอยๆแต่ยึดตามที่ต่างประเทศเขาทำกันและได้ผลจริง
และเมื่อสอบถามถึงจุดจบสุดท้ายของกำนันนก อาจารย์โต้ง เผยว่า ตอนนี้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตไปแล้ว อยู่ที่ว่ากำนันนกจากนี้พยานหลักฐานไปถึงแค่ไหน ซึ่งจากที่ติดตามข่าว พยานบุคคลก็ให้การยืนยันว่ากำนันตบโต๊ะไม่พอใจที่ขอย้ายตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่ง แล้วก็มี นายหน่องที่ก่อเหตุเดินมาถามกำนันว่าใช่คนนี้ไหม
แล้วกำนันพยักหน้า ตรงนี้ถ้าพยานหลักฐานทุกคนพูดตรงกันและมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดถ้ากู้มาได้แล้วเห็นพฤติการณ์ทั้งหมด กำนันอาจมีความผิดถึงขั้นเป็นผู้ใช้ได้ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
แต่ผมยังสนใจไปมากกว่านั้นคือคนที่เกี่ยวข้องอีกนอกเหนือจากกำนัน อย่างตำรวจในที่เกิดเหตุ หรือลูกน้องของกำนัน และเรื่องการยึดทรัพย์อายัดทรัพย์สินต้องตามมา ตรวจสอบความเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องว่ามีใครเกี่ยวข้องกับกำนันบ้าง ตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นความผิดด้วยหรือไม่ ตรงนี้ต้องมีการดำเนินการด้วย