บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา คณะที่ปรึกษา รมว.พม. รุดเยี่ยม เหยื่อพ่อแม่โบกปูนลูก 2 ขวบ วอนสังคมชี้เบาะแสความรุนแรงในครอบครัวให้เด็กรอดพ้นการถูกทำร้าย ไม่เป็นสมบัติที่ชำรุดของสังคม

ล่าสุด น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา คณะที่ปรึกษา รมว.พม. รุดเยี่ยมเหยื่อคดีพ่อแม่โบกปูนลูก 2 ขวบ วอนสังคมชี้เบาะแสความรุนแรงในครอบครัวให้เด็กรอดพ้นการถูกทำร้าย ไม่เป็นสมบัติที่ชำรุดของสังคมสืบเนื่องจาก กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมพ่อฆ่าลูก 2 ขวบโบกปูน เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ช่วยเหลือนำตัวเด็กหญิง 2 พี่น้อง วัย 12 ขวบ และ 4 ขวบ ลูกๆที่เหลือที่ถูกพ่อแม่ทำร้าย โดยคนพี่ถูกทุบตีมีบาดแผลหลายแห่งขณะที่คนน้องถูกจับแช่น้ำ และยังถูกจับขังไว้ในห้องพักบนอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 

 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง
 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

 

เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรมว.พม. พร้อมด้วย นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรมว.พม. เดินทางเข้าเยี่ยมเด็กทั้ง 2 คน ที่บ้านพักเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ บริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี แยกตึกชัย กทม. และที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี  โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางเตือนใจ คงสมบัติ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ร่วมคณะลงพื้นที่เยี่ยมและติดตามการช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก

 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขั้นตอนของการช่วยเหลือเด็กของพม. หลังจากที่ได้นำ น้องทั้ง 2 คนออกมาจากจุดที่เป็นอันตราย เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครทำร้ายน้องได้อีก ให้มาอยู่ในความดูแลของพม.

จากนี้ดำเนินการรักษาบาดแผล และถึงแม้ว่าน้องคนโตจะไม่มีบาดแผลให้เห็นในปัจจุบันแต่มีร่องรอย ส่วนน้องคนเล็กยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล และขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูจิตใจ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

จากนั้นจะเป็นการวางแผนอนาคตของน้องว่าจะเป็นไปอย่างไร โดยมีรูปแบบญาติอุปถัมภ์ ดูว่ามีครอบครัวไหน มีความพร้อม สามารถรับน้องไปดูแล แต่หากไม่มี ญาติอุปถัมภ์ก็จะต้องหาครอบครัวอุปถัมภ์ ที่พอจะรับน้องได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากขั้นตอนของการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจนั้นกินเวลานานพอสมควร แล้วจึงมาดูขั้นตอนต่อไปกันว่าจะมีญาติอุปถัมภ์ หรือ ครอบครัวอุปถัมภ์ แต่ถ้าไม่มีเลยสุดท้ายจริงๆ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิด คือน้องต้องไปอยู่บ้านสงเคราะห์ ซึ่งแนวทางดังกล่าวทางกรมไม่อยากทำมากที่สุด 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เรื่องความรุนแรงในครอบครัวขอเรียนคนไทยทุกคนว่ากรุณาอย่ามองว่าเป็นเรื่องของครอบครัวใคร ครอบครัวมัน เพราะเราอยู่ในสังคมเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว เป็นผู้ที่มีเสียงน้อย เป็นผู้ที่อ่อนแอ เสียงเขาจะไม่มีพลัง ไม่ดัง แต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงจะเป็นผู้ที่รู้และสามารถสังเกตเห็นได้ ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้กับพวกเขาด้วย กรุณาถือว่าเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ถ้าไม่ช่วยเหลือกันเขาซึ่งเป็นผู้อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ก็จะเกิดเหตุที่น่าสงสาร จึงอยากให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะหากเด็กเหล่านี้รอดพ้นจากการถูกทำร้าย โตขึ้นเขาก็จะเป็นสมบัติที่ชำรุดของสังคม แล้วจะเป็นลูกโซ่ของความทารุณ เขาก็จะไปทำทารุณ เพราะเขาเคยถูกกระทำมาก่อน จะเป็นมรดกที่ชั่วร้ายของสังคมไทย เราต้องตัดตอนสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเยียวยาเขาตั้งแต่ต้น

 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

 

กระทรวงพม.มีสายด่วน 1300 ซึ่งตั้งแต่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพม. เข้ามาก็จะทำให้สายด่วน 1300 เป็นพลังที่พึ่งของสังคมได้ นอกจากนี้ยังมีกรมฯ ได้มีแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ "Ess Help Me" หรือระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม ESS ที่ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส ได้อีกช่องทางหนึ่ง

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เวลาเราเห็นข่าวความรุนแรงในครอบครัวมักจะเห็นว่าเป็นภาคเอกชนที่มาเป็นตัวเชื่อมมาโดยตลอด แต่ภาครัฐทำไมจึงไม่เป็นหน่วยงานแรกที่เข้าช่วยเหลือ ซึ่งทางรองอธิบดีอธิบายว่า ภาครัฐทำงานกันมากกว่า 80% เพียงแต่เมื่อเราทำงานซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจึงไม่ค่อยเป็นข่าว ขอย้ำว่าไม่ใช่ว่าหน่วยงานไม่ใช่เป็นผู้รับเรื่องตั้งแต่ต้น เราทำแต่ไม่เป็นข่าว แต่อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องดีที่ภาคเอกชน ประชาชน ทำงานร่วมกับภาครัฐ เราร่วมด้วยช่วยกัน 

 

บุกช่วย 2 พี่น้องที่เหลือคดีพ่อโหดโบกปูน สะเทือนใจสภาพคนน้อง

 

ด้านนายนิกร กล่าวว่า รัฐมนตรีวราวุธได้มอบนโยบายกระทรวงพม. แล้วว่าจะมีการปรับแก้กฎหมายเรื่องความรุนแรง เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นต้องเขียนกฎหมายให้ดีเพื่อที่จะดูแลได้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในนโยบายของกระทรวงแล้ว