"กระจกเงา" เปิดบันทึกบีบหัวใจหลังเหตุการณ์ซาเล้งลักพาตัวเด็กวัย 14 ปี

จากกรณีเหตุการณ์รถซาเล้งลักพาตัวเด็ก 14 ปี ออกอุบายว่าจะพาไปซื้อโทรศัพท์มือถือแต่สุดท้ายกลับพาตัวหายออกไปจากบ้านกว่า 14 วัน ล่าสุดเจอตัวน้องและสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว และน้องมัวได้เล่าเหตุการณ์ที่ถูกจับไป ทั้งนี้ทางมูลนิธิกระจกเงาได้เขียนบันทึกเหตุการณ์หลังน้องถูกลักพาตัว

 

 

เป็นเวลา 14 วัน น้องมัวไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย มีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว ที่ผ่านมาก็อยู่อย่างอดอยาก นายพันได้พาตนได้ขับรถซาเล้งจากสิงห์บุรีเมื่อ 16 ก.ย. 2566 และมาอยู่ที่นี่ อยู่ตามป่าหาหน่อไม้กิน เขาหลอกว่าจะพาไปซื้อโทรศัพท์ ระหว่างทางเขาก็ซื้อของให้กิน ไม่ได้ทำอะไรหนู ก็มีข่มขู่บ้าง วันนี้ดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยไว้ทัน ต้องกินอดๆอยากๆตลอดเวลา 14 วัน

ล่าสุดเพจมูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์บันทึกถึงเหตุการณ์นี้เอาไว้ดังนี้

พบตัวน้องมัว เด็กชายวัย 14 ปี ที่ถูกลักพาตัวไปจากวัดที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีแล้ว โดยพบตัวที่ จ.ปราจีนบุรี และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้  น้องมัวปลอดภัยครับ

ขอให้เธอใจดีกับฉัน ในวันที่โลกทั้งใบใจร้าย

สุนัขพันธุ์ทางตัวหนึ่งเอาตัวเข้าคลอเคลียกับเด็กชายวัย 14 ปี ที่ได้รับการช่วยเหลือและถูกส่งมาคุ้มครองที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจากการถูกลักพาตัวไปนานกว่า  13 วันเต็ม 
 

ท่ามกลางความเงียบงัน มือเล็กๆของเด็กชายค่อยๆลูบไปที่คอของสุนัขตัวนี้  คล้ายกับเป็นการขอบคุณในการปลอบประโลมจิตใจที่แตกสลายของเขา  และนั่นอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุด หลังเสียงร้องไห้ของเขาจบลงจากคำถามจำนวนมาก ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง

คำบอกเล่าของเด็กชาย สะท้อนภาพบาดแผลทางร่ายกายและจิตใจ  อันควรละไว้ในฐานที่เข้าใจ และเป็นอุทาหรณ์ว่า เด็กถูกลักพาตัว มีอันตรายกับตัวเด็กทุกวินาที 

กระบวนการหลังจากนี้ มีสหวิชาชีพดูแล และแม่จะอยู่กับลูกด้วยในทุกกระบวนการ

 

ขอบพระคุณทุกท่าน ทุกหน่วยงานที่ช่วยกันแชร์ประกาศ และออกติดตามหาเด็กชาย จนได้ตัวกลับคืนมา  โลกชั่วครู่ชั่วยามของเด็กชาย ยังฝังความใจร้ายอยู่ ขอให้เขาได้เข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสม เพื่อให้เขาได้กลับสู่โลกที่สดใสในวัยเด็กอีกครั้ง

ขอให้พวกเราใจดีกับเด็กชาย ในวันที่โลกทั้งใบที่เขาเพิ่งพบเจอใจร้ายกับเขามากพอแล้ว.

บันทึกไว้หลังเหตุการณ์ลักพาตัวเด็กชายวัย 14 ปี
มูลนิธิกระจกเงา 
29 กันยายน 2566

 

 

 

ขอบคุณ มูลนิธิกระจกเงา