- 05 ต.ค. 2566
เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ หัวหน้างานการฝึกอบรม ที่เกลี้ยกล่อมเด็ก 14 ยอมรับตรงๆหลังกลับบ้านไปแทบนอนไม่หลับ เพราะสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
วันนี้ (5 ต.ค.66) ที่ กองกำกับการศูนย์รวมข่าว 191 นายประกรชัย ลี่แตง เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ หัวหน้างานการฝึกอบรม (บริษัท วัน ทู วัน คอนแทคส์ จำกัด) ซึ่งเป็นผู้โทรศัพท์เจรจา พูดคุยกับเด็ก 14 ปี ผู้ก่อเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้เผยถึงนาทีคุยกับเด็ก 14 ปี ผู้ก่อเหตุดังกล่าว เผยอาการของเด็กในตอนนั้น
โดยนายประกรชัยได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เด็กผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์เข้ามาที่สายด่วน 191 โดยมีพนักงานหญิงเป็นผู้รับสาย เมื่อพูดคุยแล้วทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงหมู่ที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน จึงให้หัวหน้าพนักงานมาพูดคุยต่อ ก่อนจะส่งสายโทรศัพท์ให้ตนเองเป็นผู้พูดคุยเจรจา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 28 นาทีด้วยกัน
นายประกรชัย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุได้พยายามพูดคุยกับผู้ก่อเหตุให้ใจเย็นและยอมวางอาวุธเพื่อมอบตัวกับตำรวจ โดยมีตำรวจที่อยู่เวรศูนย์วิทยุผ่านฟ้า และพลตำรวจตรึ ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) โทรศัพท์เข้ามาฟังการเจรจาแบบเรียลไทม์ เพื่อนำข้อมูลส่งให้เจ้าหน้าที่หน้างานได้ประเมินสถานการณ์ในการเข้าระงับเหตุ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาต่อมา
โดยการเจรจามุ่งเน้นการเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่จะไม่ไปสอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุ เพราะอาจเป็นการจุดชนวนให้เกิดความเครียดไปจี้จุด จนอาจทำให้ก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่องไปอีก และไม่ให้ทำร้ายตนเอง
นายประกรชัย ยังยอมรับตรงๆ ว่า ตนเองเคยผ่านงานการรับแจ้งเหตุการณ์ซึ่งหน้ามานับไม่ถ้วน เช่น เหตุวิ่งราวทรัพย์ , นักเรียนตีกัน , อุบัติเหตุ , การขอความช่วยเหลือ หรือเหตุการณ์อื่นๆ แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ไม่อาจลืม เพราะถือว่าเป็นงานหินที่สุดในชีวิตที่เคยประสบพบเจอมา ซึ่งหลังเสร็จงานกลับบ้านไปแทบจะนอนไม่หลับ เพราะยังตื่นเต้น และสลดหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าปฎิบัติหน้าที่ครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นเพิ่มเติม จึงเป็นความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตที่มิอาจลืมเลือน
อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนขอความร่วมมือว่า อย่าโทรศัพท์มาป่วน หรือแจ้งเหตุเท็จกับสายตรวจ 191 เพราะในยามคับขันสายโทรศัพท์ดังกล่าว อาจมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่