- 11 ต.ค. 2566
สาวเล่าประสบการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์ครั้งใหญ่ในชีวิต "พาลูกไปอาบน้ำ แต่ไม่ได้ลูกกลับ" สืบสาวจนสุดท้ายโรงพยาบาลยอมรับผิด
สาวเล่าอุทาหรณ์ครั้งใหญ่ "พาลูกไปอาบน้ำ แต่ไม่ได้ลูกกลับ" : สะเทือนใจคนรักน้องหมามากจริงๆ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวที่เพื่อนต้องสูญเสียลูกรักไปตลอดกาลในกลุ่ม "รักหมาคลับ" ซึ่งเธอระบุเริ่มเรื่องราวอยากปวดใจว่า "พาลูกไปอาบน้ำ แต่ไม่ได้ลูกกลับ"
ก่อนที่เธอจะเล่าต่อว่า "โพสต์นี้เป็นโพสต์แรกที่จะได้มาเขียนแบ่งปันประสบการณ์ และหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ และเป็นอุทาหรณ์ให้ระวังกันให้มากขึ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนเราเองและเราก็อยู่ในเหตุการณ์
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนได้พาน้องหมาปอม อายุ 4 ขวบ ร่างกายแข็งแรงไปอาบน้ำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในระหว่างรอก็เอารถไปล้าง ผ่านไปได้ซักพักทางโรงพยาบาลได้โทรมาบอกว่าน้องอาบน้ำแล้วมีอาการช็อก ตอนนี้หมอกำลังรักษาอยู่
ทางเพื่อนเราก็ได้รีบขับรถกลับมาจากร้านเพื่อมาดูอาการ พอเข้าไปในห้องรักษาหมอกำลังปั๊มหัวใจน้องและได้แจ้งว่าให้ยาโดสสูงสุดเท่าที่จะให้ได้แล้วแต่น้องก็ไม่กลับมา "หมอจึงขอปล่อยน้องไปนะคะเพราะน้องไม่กลับมาแล้ว ทางหมอไม่สามารถยื้อน้องไว้ได้"
หลังจากมาถึงที่เกิดเหตุ ได้สอบถามกับพนักงานที่อาบน้ำและพนักงานดูแลเคสในวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้คำตอบแบบอ้ำๆ อึ้งๆ
- ครั้งแรกบอกว่าน้องอาบน้ำเสร็จก็ช็อกไป เลยรีบพามาหาหมอเพื่อรักษา แต่ตอนนั้นกำลังเสียใจอยู่เพราะคุณหมอขอปล่อยน้องไป
- ครั้งที่สองพอมีสติขึ้นมาบ้างเลยมีการซักถามอีกครั้ง ได้คำตอบว่า อาบน้ำเสร็จแล้วปล่อยน้องไว้บนโต๊ะโดยใช้เชือกคล้องคอไว้ และเข้าไปดูเอกสาร พอกลับออกมาน้องก็ช็อกแล้ว เลยถามว่าเข้าไปนานมั้ย บอกว่าไม่น่านาน และสอบถามอีกว่าตอนที่เจอน้องห้อยหรือยัง พนักงานที่ดูแลบอกว่าห้อยแล้ว ตอนนั้นคือเราใจไม่ดีแล้วค่ะ คิดว่าไม่น่าเกิดจากการช็อก
- ครั้งที่สามขอเข้าไปดูห้องอาบน้ำ พอเห็นที่เกิดเหตุและเชือกที่ใช้คล้องคอเลยสอบถามอีกครั้ง ได้คำตอบว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว และเอาน้องมาวางไว้บนโต๊ะและใช้เชือกคล้องคอไว้ แล้วพนักงานเข้าไปในอีกห้องหนึ่งเพื่อดูเอกสารที่เป็นห้องกระจกมิดชิด
จนสักพักได้ยินเสียงดิ้นเลยออกมาดูก็พบว่าน้องตกโต๊ะและเชือกห้อยคออยู่แล้ว ทางเราเลยถามย้ำไปอีกว่านานไหมกว่าจะมาเห็น พนักงานก็ตอบว่า "ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ" ทางเราเลยถามไปอีกว่าตอนนั้นอยู่คนเดียวหรอคะ
พนักงานตอบว่ามีน้องอีก 2 คนที่อาบน้ำหมาตัวอื่นอยู่ ซึ่งอยู่ข้างโต๊ะของน้องหมาเราเลย แต่พนักงานไม่ตอบ (เพราะพูดไทยไม่ได้) แต่เป็นไปได้ยากมากที่คนที่อยู่นอกห้องจะไม่ได้ยิน แต่คนที่อยู่ในห้องกระจกได้ยินจนออกมาเห็น
หลังจากได้คำตอบที่ไม่ตรงกันเลยซักครั้ง และการเข้าไปดูที่เกิดเหตุก็พบว่าสายคล้องบนโต๊ะเป็นสายที่เก่าไม่ได้มาตรฐาน เพราะมีการผูกปมไว้เองแบบที่ยิ่งดึงยิ่งรัดแน่น (แนบวิดีโอท้ายโพสต์) ในห้องอาบน้ำไม่มีกล้องวงจรปิดซักเครื่อง เลยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่พนักงานเล่ามานั้นจริงหรือไม่จริง เราได้ทำการถ่ายวิดีโอในห้องอาบน้ำไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาเพื่อนที่เฝ้าศพน้องอยู่ในห้อง
ในระหว่างที่สั่งเสียน้องในห้องคุณป้าที่ดูแลน้องมาตั้งแต่เด็กและรักน้องมากก็บอกยังไงก็ไม่ยอมให้จบแค่การรับผิดชอบจัดงานฌาปนกิจให้แค่นี้ ยังไงทางโรงพยาบาลก็ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ไม่เช่นนั้นทางเราจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะตอนแรกเขารีบติดต่อทางวัดเพื่อทำการฌาปนกิจในวันถัดไปให้เลยเรียบร้อย
และเราได้สอบถามทางคุณหมอว่าลงผลการเสียชีวิตว่ายังไง คุณหมอจึงบอกว่าจากที่ฟังพนักงานเล่าคงเกิดจากอาการช็อกและส่งผลให้หัวใจวายน้องจึงเสียชีวิตไป แต่ทางเราไม่ปักใจเชื่อจึงขอให้ทางโรงพยาบาลส่งชันสูตร ทางโรงพยาบาลจึงติดต่อสถานที่และส่งชันสูตรให้ก่อน ยังไม่ฌาปนกิจน้อง
หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลได้เรียกเข้าไปคุยอีกรอบพร้อมกับ ผอ.โรงพยาบาลและพนักงานอีก 3 คน เพื่อไกล่เกลี่ย มีการคุยเรื่องค่าทำขวัญและสุดท้ายพนักงานคนที่ดูแลน้องในวันนั้นได้สารภาพว่าตัวเองประมาทที่ใช้เชือกคล้องคอน้องไว้บนโต๊ะแล้วทิ้งไว้นานจนน้องตกโต๊ะและห้อยคอจนเสียชีวิต
ตอนออกมาเจอคือน้องนิ่งไปแล้ว และผลชันสูตรก็ออกมาว่าน้องขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองทำให้เสียชีวิต มีรอยช้ำที่คอขนาดความกว้างเท่าสายที่คล้องคอไว้ (ตามวิดีโอแนบมา) ทางเราได้ถามไปยัง ผอ.โรงพยาบาลว่า ปกติมีมาตรการดูแลสัตว์ระหว่างอาบน้ำตัดขนมั้ย ว่าถ้าพนักงานต้องไปทำอย่างอื่น ต้องทำยังไง ทิ้งไว้บนโต๊ะแบบไม่มีคนดูแลแบบนี้ได้เหรอ
ทาง ผอ.ได้ตอบกลับมาว่า ปกติแล้วทางโรงพยาบาลได้มีการอบรมตรงนี้ไปแล้วว่าให้เอาลงมาวางที่พื้นหรือเอาไว้ในกรง ไม่ให้ทิ้งไว้บนโต๊ะแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งที่เราได้ตำหนิโรงพยาาบาลไปคือกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทุกที่ยกเว้นห้องอาบน้ำและสระว่ายน้ำของโรงพยาบาล
แต่ที่เจ็บปวดอีกเรื่องคือหลังจากที่ตกลงเรื่องค่าเสียหายแล้ว ทางผอ.โรงพยาบาลได้โทรมาต่อรองค่าเสียหายลงไปเยอะมากทั้งที่มูลค่าของเงินเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของเราด้วยซ้ำ แต่ทางเราก็ไม่ยอมเพราะหนึ่งชีวิตที่เสียไปเท่ากับคนในครอบครัวของเราและเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครด้วยซ้ำ ทางเจ้าของได้พาน้องมาใช้บริการโรงพยาบาลมาเป็นเวลาหลายปี วัคซีนแรกเกิด วัคซีนประจำปี ตรวจสุขภาพ อาบน้ำตัดขน ยามเจ็บป่วยก็มาหาหมอที่นี่ ใครจะไปคิดว่าจะมาเสียชีวิตที่นี่ด้วย
ต้องบอกก่อนว่าโรงพยาบาลสัตว์ที่เพื่อนเราพาน้องไปอาบน้ำนี้เป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ค่อนข้างใหญ่ มีอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้สัตว์เลี้ยงครบครัน เป็นเหตุผลที่ทำไมเราเลือกใช้บริการทั้งเรื่องการแพทย์และ grooming ที่นี่
ถึงตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้รับผิดชอบตามที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง ทั้งค่าเสียหาย ค่าชันสูตรศพ ฌาปนกิจ และลอยอังคาร น้องได้ไปสู่ภพที่ดีแล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นที่เราออกมาโพสต์ไม่ใช่อยากสร้างความเสียหายให้กับทางโรงพยาบาล แต่อยากออกมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อๆ แม่ๆ ที่พาลูกๆ ไปอาบน้ำตัดขน อยากให้เลือกสถานที่ดีดีมีกล้องวงจรปิดหรือเราสามารถมองเห็นได้ ใช้สายคล้องที่มีมาตรฐาน ถึงแม้โรงพยาบาลจะใหญ่แค่ไหนแต่หากพนักงานมีความประมาทอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นกับลูกๆ เราได้"