- 12 ต.ค. 2566
คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย สั่งปลดออกจากตำแหน่งพระ 5 รูป หลังรับกิจนิมนต์ฝั่งท่าขี้เหล็ก ก่อนร่วมวงพนัน-ซดเบียร์
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก คุณท้าวศรีสุวรรณภิรมย์ภักดี ได้โพสข้อความระบุว่า "6 4 เอี่ยว เจริญพร น้ำเต้า ปู ปลา เลขารองเจ้าคณะภาค และเจ้าอาวาสวัดดังใน อ.เมืองเชียงราย ทำแบบนี้ได้หรอเจ้าคะ สำนักพุทธตรวจสอบด่วน" พร้อมกับแนบรูปภาพชายศีรษะโล้น สวมใส่จีวรคล้ายพระสงฆ์กำลังนั่งและยืนล้อมวงปะปนอยู่กับฆราวาสอีกหลายคนที่ก้มหน้าก้มตาเล่นการพนันทั้งไฮโล และน้ำเต้าปูปลา กันอย่างคึกคัก
หลังจากภาพดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารย์กันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทำให้ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้รับการเสื่อมเสีย ซึ่งต่อมาทางสำนักพุทธฯ ได้ตั้งกรรมการสอบ พระภิกษุที่ปรากฎในภาพ หากผิดจริงจะดำเนินการตามพระวินัย
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2566 ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเหตุซึ่งเกิดตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยมีพระสงฆ์ใน จ.เชียงราย จำนวน 5 รูปได้รับกิจนิมนต์ ร่วมงานวัดเวียงแก้ว ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประกอบด้วยเจ้าคณะตำบล 1 รูป เจ้าอาวาสวัด 2 รูป และพระลูกวัดอีก 2 รูป แต่เพิ่งจะมาเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงวันที่ 10 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งทางสำนักพุทธ จ.เชียงราย ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ร่วมกับคณะสงฆ์เชียงราย ตั้งกรรมการสอบสวนในทันที ซึ่งพระสงฆ์ทั้ง 5 รูป ก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลในภาพจริง โดยอ้างว่าการละเล่นเหล่านั้นเป็นประเพณีของท้องถิ่นที่เล่นกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ถือเป็นการกระทำผิดวินัยของสงฆ์และเป็นเรื่องที่เหมาะสม ในวันนี้จึงมีนัดหมายประชุมเพื่อพิจารณาบทลงโทษกันอีกครั้ง แต่ปรากฎว่าพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปได้หลบหนีไปทั้งหมด ทำให้ไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม หรือดำเนินการบทลงโทษ
จากการพิจารณาของคณะสงฆ์อย่างถี่ถ้วน ได้มีมติและคำสั่งให้ปลดพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปออกจากตำแหน่งที่มีอยู่ทั้งหมด โดยไม่สามารถที่จะยุ่งเกี่ยวกับทางคณะสงห์หรือกับทางวัดต่างๆได้อีก แต่ยังไม่ขั้นที่ปาราชิก เพราะถือเป็นความผิดวินัย ที่ยังไม่ร้ายแรงมากนัก และทางผู้กระทำผิด ยังไม่ได้ชี้แจงโดยละเอียด เพราะหลบหนีไปก่อน ส่วนโทษจะถึงปาราชิกหรือไม่นั้น ทางคณะสงฆ์จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ทางคณะสงฆ์ได้มีการวางกฎ สำหรับพระภิกษุที่จะเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องรับได้อนุญาตจากทางวัด หรือทางคณะสงฆ์ระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัดเสียก่อน และต้องมีการแสดงว่ามีการนิมนต์ให้ไปร่วมงานต่างๆจริง ไม่สามารถที่จะเดินทางโดยพละการได้อีก