หลาน แฉ ลูกสาวแสบฮุบ 500ล. ให้พ่อ-แม่ กินยาจนเสียสติ ฟ้องเป็นคนไร้ความสามารถ

    กรณี 2 ตายาย เดินทางร้องทุกข์กับสายไหมต้องรอด หลังถูกลูกสาวฮุบมรดกเกลี้ยง แบ่งเป็นเงินกว่า10ล้านบาท พร้อมที่ดิน 500 ล้านบาท โดยลูกสาวแสบ ได้แอบเอายากล่อมประสาทให้กินนาน 3 ปี หลอกว่าเป็นยาแก้สมองเสื่อม จนเกือบจะเสียสติ  จนลูกสาวได้โอนเงินและที่ดินกว่า100ไร่ ไปเป็นของตัวเอง

   โดย นายนอ จินดา อายุ 83 ปี และ นางแว่น จินดา อายุ 69 ปี  เล่าว่าถูกลูกสาวคนเล็กแอบเอายากล่อมประสาทให้กินเป็นเวลานาน 3 ปี จนเกือบจะเสียสติ ตอนที่อยู่บ้าน ลูกสาวคนเล็กได้เอายาเม็ดมาให้ทาน ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 เวลา โดยอ้างว่าเป็นยาแก้สมองเสื่อม  ไร

    สุดท้ายมีการช่วยเหลือได้ ซึ่งหลานได้พาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจนกลับมาปกติ  นอกจากนี้ มีครั้งหนึ่งลูกสาวได้เอาเอกสารมาให้ปั๊มลายนิ้วมือ แต่ไม่ได้บอกว่าเอาไปทำอะไร

    จากนั้นก็พบว่าเงินในบัญชีธนาคารกว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งที่ดินกว่า 100 ไร่ มูลค่า 500 ล้านบาท ถูกโอนไปเป็นชื่อลูกสาวจนหมด 

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ทาง "แพรว"นางสาวอาภาพัชร์ หลานสาวคนโตของตากับยาย เปิดเผยว่า ตากับยาย มีลูกสาว 2 คน คนโต คือ แม่ของตนเอง ส่วนลูกสาวคนเล็กของตายาย คือน้าสาวของตนเอง ซึ่งช่วงแรกก็อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน 

 ระยะเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งมรดกของตายาย และทำให้ตา ยาย เข้าใจลูกสาวคนโตผิด ว่าจะมาเอาสมบัติของตัวเอง ตายายจึงเลือกที่จะอยู่กับลูกสาวคนเล็ก และตัดขาดลูกสาวคนโต 

    โดยลูกสาวคนเล็กมีการก่อกำแพงสูงกว่า 2 เมตร ปิดกั้นบ้านทั้งสองฝั่ง ซึ่งในช่วงเกือบสามปีผ่านมา แม่ของตนเองก็ไม่เคยได้พูดคุย หรือติดต่อกับตายายอีกเลย กระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง แม่ของตนเองได้ยินเสียงคนร้องไห้ พอเดินไปดูพบว่า เป็นยาย มานั่งร้องไห้อยู่ข้างกำแพง 

   แม่ตนเองจึงพายายเข้ามาที่บ้าน พูดคุยสอบถามจนได้ความว่า ถูกลูกสาวคนเล็ก แอบเอายากล่อมประสาทให้กินเป็นเวลานาน 3 ปี และพบว่าเงินในบัญชีธนาคารกว่า 10 ล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีลูกสาวคนเล็ก และเงินทุกบัญชีไม่เหลือสักบาท รวมทั้งที่ดินกว่า 100 ไร่ที่ปากช่อง ถูกโอนไปเป็นชื่อลูกสาวคนเล็กจนหมด 
 

   หลังจากทราบเรื่อง ตนเองและแม่ จึงพาตายายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนข้อหาลักทรัพย์ ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้องลูกสาวคนเล็กไปยังอัยการแล้ว แต่ทางตนเองและแม่เกรงว่า จะไม่ปลอดภัยและไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเอาที่ดินไปจำนองกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ด้วย จึงมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด

    ทั้งนี้ นางสาวแพรว เปิดเผยอีกว่า ทางลูกสาวคนเล็กที่เป็นคู่กรณี ตอนนี้ยังไม่พูดอะไร ล่าสุดนี้ไปฟ้องให้พ่อแม่เป็นคนไร้ความสามารถ แต่ตนเองก็ได้พาตา-ยายประเมินที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า ร่างกายและสมองปกติ ไม่ได้ไร้ความสามารถ และตอนนี้ ตำรวจสั่งฟ้องเพียงแค่ลูกสาวคนเล็กหนึ่งคน เรื่องอยู่ที่อัยการ ยังไม่รู้สั่งฟ้องต่อศาลหรือไม่