- 24 ต.ค. 2566
ตำรวจไซเบอร์คุมตัวสาววัย 20 ปี บัญชีม้าแถวที่ 2 ขบวนการหลอกขายไอโฟนทิพย์เด็ก ม.6 ได้อีก 1 ราย แต่เจ้าตัวส่ายหน้าบอกไม่เกี่ยวข้อง
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจไซเบอร์ได้คุมตัวนางสาวศิริพร อายุ 20 ปี บัญชีม้าแถวที่ 2 ขบวนการหลอกขายไอโฟนเด็กม.6 และผู้เสียหายรายอื่น ๆ มาสอบปากคำเพิ่มที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 โดยสามารถจับกุมได้เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
จากนั้นก็ส่งตัวมาสอบปากคำ ที่ สอท.5 โดยมี พลตำรวจตรีชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 สอบปากคำด่วยตัวเอง
ทันทีนางสาวศิริพร มาถึง ได้พูดสั้นๆ ว่าเธอประสานขอเข้ามอบตัวเอง หลังถูกออกหมายจับในคดี ร่วมกันฉ้อโกง และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ถูกออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม และเมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับกรณีการหลอกลวงเยาวชนอายุ 19 ปีเพื่อขายโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง
สำหรับคดีนี้ตำรวจสอท. ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว รวม 6 คน เป็นการออกหมายจับ 5 คน และอยู่ระหว่างออกหมายจับชาวเมียนมาร์ 2 คนซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการ และจะประสานออกหมายแดง ติดตามตัวมาดำเนินคดี
ด้านพลตำรวจตรีชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 เปิดเผยจากการสอบปากคำ นางสาวศิริพร ผู้ต้องหาบัญชีม้า แถว 2 บอกว่า ทำหน้าที่รับเงินจากนางสาวดอกแก้ว แล้วโอนให้กับบอสที่อยู่ประเทศเมียนมาร์ เบื้องต้นให้การยอมรับว่าได้รับการจ้างวานเปิดบัญชีม้า ราคา 3 พันบาท และจากการตรวจสอบบัญชีของนางสาวศิริพร ก็พบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินออก ซึ่งได้ให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไล่ตรวจสอบว่ามีบัญชีอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นที่ตรวจสอบ พบมีการเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม และ มีเงินเข้าออกไปกว่า 150,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนการออกหมายจับเพิ่มเติม ขณะนี่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับชาวเมียมาร์ 2 คน ที่อยู่ในระดับบอส เพราะมีความเป็นอยู่หรูและมีฐานะ และเมื่อออกหมายจับเสร็จก็จะประสานออกหมายแดงเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน
สำหรับคดีนี้ ทางพลตำรวจตรีชรินทร์ บอกว่า ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 6 คน จับตามหมาย 5 คน แบ่งออกเป็น บัญชีม้า 3 คน คนกดเงิน 1 คน คนหาบัญชี 1 คน ส่วน อีก 1 คนคือนางสาวดอกแก้ว ไม่ได้ออกหมายจับแต่เป็นการจับกุมและแจ้งข้อหา
ส่วนผู้เสียหายในคดีดังกล่าวตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความเพิ่มเติม และผู้เสียหายเพิ่มที่ไปแจ้งความไว้ในพื้นที่นครบาลนั้น ก็เป็นความรับผิดชอบของนครบาลในการดำเนินการ ส่วนจะรวมสำนวนหรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีของ สอท. หรือไม่ ส่วนการคืนเงินผู้เสียหาย จากการตรวจสอบบัญชีพบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีไปเกือบหมดแล้วซึ่งจะต้องไปตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินหรือไม่จะติดตามไปอายัดเพื่อนำทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย