- 10 พ.ย. 2566
"ชัชชาติ" พร้อมเจ้าหน้าที่ กทม. และกรมทางหลวง ดักจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินวิ่งกลางคืน ยึดสิบล้อได้ 2 คัน พร้อมส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากเหตุการณ์รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ล่าสุดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 9 พ.ย. 2566 นายอุทัย ยอดสวัสดิ์ วิศวการโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกันตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่บริเวณถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. โดยพบรถบรรทุกสิบล้อ 2 คันต้องสงสัยบรรทุกน้ำหนักเกิน
คันแรกเป็นรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน สีขาว ทะเบียน 84- 2615 สมุทรปราการ มีนายประพันธ์ สุนันต๊ะ อายุ 56 ปี เป็นคนขับ และคันที่ 2 รถบรรทุก ฮีโน สีขาว ทะเบียน 84-2613 สมุทรปราการ มี นายสังวาลย์ สระทองสงค์ อายุ 59 ปี เป็นคนขับ
จากการช่างน้ำหนักพบว่าทั้ง 2 คันบรรทุกดินน้ำหนักเกินโดยมีบรรทุกดินคันแรกน้ำหนัก 34 ตันและคันที่ 2 หนัก 28 ตัน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ทั้งสองคนได้ขับรถบรรทุกดินมาจากไซต์งานก่อสร้างในกรุงเทพฯ เพื่อนำไปถมที่ดินในไซต์งานก่อสร้างย่านปริมณฑล จึงคุมตัวผู้ขับขี่รถทั้งสองคน และของกลางรถบรรทุก 2 คัน ส่ง พ.ต.ต.กันตพัฒน์ ประเศรษฐสุต สว.(สอบสวน) สน.บางเขน ดำเนินคดี พร้อมรายงานให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทราบ
ก่อนที่ต่อมาเวลา 00.05 น. วันที่ 10 พ.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ได้มาตรวจสอบรถบรรทุกดินทั้ง 2 คัน พร้อมเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุรถบรรทุกดินน้ำหนักเกิน ทำให้พื้นถนนทรุดตัวที่ถนนสุขุมวิท ทางกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับกรมทางหลวงสนธิกำลังการเพื่อตรวจสอบสกัดจับกุมรถที่บรรทุกน้ำหนักเกิน
โดยขณะที่กำลังตรวจสอบบริเวณถนนเทพรักษ์ เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัย 2 คันจึงทำการเรียกตรวจและชั่งน้ำหนักพบว่า มีการบรรทุกเกินที่กฎหมายกำหนด จึงควบคุมและยึดรถไว้ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ทำการสอบสวนเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง มาตรา 61 ข้อหา บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มีโทษปรับ 1,000 บาท โดยต้องยึดรถไว้ก่อน
นายชัชชาติ ยังกล่าวอีกว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ กรุงเทพมหานคร ทำการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เป็นการทำงานแบบไร้รอยต่อ ร่วมกันกับทางกรมทางหลวง และตำรวจพร้อมที่จะรับดำเนินคดี จากนี้จะต้องดูแลในเรื่องความปลอดภัยจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ตนสงสารคนขับที่หาเช่ากินค่ำเขามีเพียงหน้าที่ขับรถเท่านั้น ต้องฝากถึงเจ้าของรถด้วยว่า มันเป็นบาปกรรม ที่ความผิดมาลงอยู่ที่คนขับ ทั้งที่เป็นเพียงคนรับจ้าง ต่อไปจะต้องมีการเพิ่มโทษเพื่อดำเนินคดีกับทางเจ้าของรถด้วย