- 13 พ.ย. 2566
"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกร โพสต์ถึงประเด็น มีการเตือน การใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร จะเสี่ยงเป็นโรคไตวาย
"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกร ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุเนื้อหาดังนี้
(รีโพสต์) ยังไม่ได้มีงานวิจัยที่ระบุยืนยันว่า "การใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร จะเสี่ยงเป็นโรคไตวาย" ครับ
เรื่องนี้ เป็นผลมาจากการเขียนข่าวมั่วกันครับ ที่ไปอ้างผิดๆ ว่ามีงานวิจัยที่ตรวจพบ "ไมโครพลาสติก" ในเลือดของคนที่กินอาหารผ่านการอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟ ครับ
จริงๆ แล้ว ข่าวงานวิจัยดังกล่าวของสหรัฐอเมริกานั้น เกี่ยวกับการทดลองเอาภาชนะพลาสติกสำหรับเด็ก มาใส่น้ำ และสารละลายกรด แล้วเอาไปให้ความร้อนนาน 3 นาที ด้วยเตาอบไมโครเวฟขนาด 1 พันวัตต์ และพบสารพวกไมโครพลาสติกหลุดออกมาอยู่ในน้ำร้อนนั้น....
.. ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และก็ย้ำคำเตือนที่ว่า "ไม่ควรให้ความร้อนโดยตรง นานๆ กับจานชามภาชนะพลาสติก" เพราะอาจมีสารเคมีสลายตัว ปนเปื้อนออกมาสู่อาหารได้ อย่างที่เตือนกันมานานแล้ว
ประเด็นคือ มีนักข่าวไทยหลายสำนัก ที่รายงานข่าวแบบจับแพะชนแกะ เอาไปขยายผสมยังไงไม่รู้ ออกมาให้คนตกใจกลัวกันเกินจริง .. ตัวอย่างเช่น โพสต์ของนักข่าวชื่อดังท่านหนึ่ง ระบุว่า
"นักวิจัยในสหรัฐฯ ทำการทดลองเกี่ยวกับการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร นำขวดนมพลาสติกที่ผ่านการรับรอง FDA ไปใส่น้ำและสารละลายอื่นๆ แล้วเข้าไมโครเวฟ 3 นาที จากนั้น #ให้เด็กดื่ม ผลปรากฏคือ #เด็กได้รับไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย และพบว่า 77% ของผู้เข้ารับการทดสอบ #มีไมโครพลาสติกในเลือด บางเคสมีไมโครพลาสติกถึง 4 ล้านชิ้น และนาโนพลาสติกมากกว่า 2 พันล้านชิ้น ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อไต เพราะนำไปทดลองกับเซลล์จากไตพบว่า เซลล์ประมาณ 75% ถูกทำลายเมื่อสัมผัสกับไมโครพลาสติก"
ไม่จริงนะครับ ! งานวิจัยดังกล่าว ไม่ได้เอาน้ำที่ต้มในภาชนะพลาสติกนั้น (ซึ่งก็ไม่ใช่ขวดนมด้วย) ไปให้เด็กหรืออาสาสมัครดื่ม และก็ไม่ได้มีการตรวจวัดไมโครพลาสติกในเลือดด้วย (อ่านรายละเอียดงานวิจัยด้านล่าง)
เรื่องการตรวจพบไมโครพลาสติกในกระแสเลือดนั้น มาจากอีกงานวิจัยเมื่อปีก่อน ที่นักวิทยาศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ตรวจเลือดของอาสาสมัคร 22 ราย และพบว่ามี 17 ที่มีไมโครพลาสติก แต่ไม่สามารถระบุที่มาได้ ว่าจะมาจากการกิน ดื่ม หรือสูดดมเข้าไป (ดูรายงานข่าว ด้านล่าง)
สำหรับ "ไมโครพลาสติก" ที่กำลังเป็นกระแสตื่นกลัวกันเหมือนเป็น "ผีร้ายตัวใหม่" นั้น จริงๆ ก็เป็นชิ้นพลาสติกขนาดเล็ก (เล็กกว่า 5 มิลลิเมตรลงไป) ที่เกิดจากการย่อยสลายแตกหักของขยะพลาสติก หรือเกิดจากการผลิตให้ให้มีขนาดเล็กเพื่อการใช้งาน .. และแม้ว่าจะถูกมองว่าเป็น "ปัญหามลพิษ" เพราะไมโครพลาสติกสามารถปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ไปสะสมในห่วงโซ่อาหารของสัตว์ในธรรมชาติ รวมถึงอาจจะมีสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ "แต่" ก็ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า ไมโครพลาสติกได้ส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ผ่านทางห่วงโซ่อาหาร (จาก http://otop.dss.go.th/.../interesting.../273-microplastics)
ส่วนประเด็นที่งานวิจัยนี้พบว่า ไมโครพลาสติกที่ได้มาจากน้ำต้มในภาชนะพลาสติกนั้น สามารถทำอันตรายได้กับเซลล์ที่เพาะเลี้ยงไว้ ก็เป็น "เซลล์ตับ ของตัวอ่อนมนุษย์" ที่เลือกมาทดลอง (เพราะห่วงเรื่องขวดนมพลาสติกสำหรับเด็ก) ไม่ใช่ในร่างกายของเด็กจริงๆ ... ซึ่งได้ผลแตกต่างไปจากการศึกษาก่อนๆ หน้านี้ ที่ใช้ "เซลล์ลำไส้เล็ก ของผู้ใหญ่" และพบว่าไม่ได้เป็นอันตรายต่อเซลล์ ...
... จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจให้ศึกษาต่อไป ว่าผลที่พบในจานเลี้ยงเซลล์แบบนี้ จะมีมากน้อยแค่ไหน ต่ออาหารที่กินเข้าไปในร่างกายจริงๆ ซึ่งโดยมากแล้ว ไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนมากับอาหาร จะถูกขับถ่ายออกไปทางอุจจาระ และน่าจะมีส่วนน้อยที่ถูกลำเลียงไปยังอวัยวะภายใน เช่น ตับ (มีงานศึกษาก่อนหน้า ตรวจพบไมโครพลาสติกในอุจจาระทารกมากกว่าในผู้ใหญ่ ถึง 10 เท่า)
คำสรุปของเรื่องนี้คือ อย่าพึ่งแตกตื่นกันเกินไปครับ ยังไม่ได้มีงานวิจัยที่ระบุยืนยันว่า "การเอาน้ำหรืออาหารใส่ภาชนะพลาสติก ไปให้ความร้อนด้วยเตาไมโครเวฟ จะทำให้เกิดภาวะมีไมโครพลาสติกในกระแสเลือด" อย่างที่เป็นข่าว
แต่ก็มีคำแนะนำมานานแล้ว ว่าควรจะอุ่นหรือประกอบอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ เฉพาะในภาชนะที่ทนความร้อนสูงได้ อย่างเครื่องแก้ว เครื่องกระเบื้อง เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อยู่ในพลาสติกและอาจจะสลายตัวปนเปื้อนเข้ามาในอาหารได้ครับ (ยิ่งพลาสติกคุณภาพต่ำ ราคาถูก เท่าไหร่ ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น)
ป.ล. การใช้เตาอบไมโครเวฟอุ่นอาหารนั้น ก็ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ถ้าใช้ถูกต้องตามวิธีการที่กำหนด ใช้กับอาหารที่เหมาะสม และใส่มาในภาชนะบรรจุอาหารที่ได้รับการยืนยันว่าใช้ได้ และตัวเครื่องอยู่ในสภาพดีปรกติ ไม่เสียหาย
อ่านบทความฉบับเต็มด้านล่าง