- 23 พ.ย. 2566
โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ ยุติกิจการ59ปี เปิดผลประกอบการย้อนหลัง ส่องตัวเลขขาดทุนสะสม บริษัทโรงงานเหล็กกรุงเทพ กว่า 2.5 พันล้านบาท ก่อนประกาศเลิกจ้างพนักงาน 382 คน
กรณีข่าวโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ของเมืองไทย ที่เปิดมานานกว่า 59ปี ต้องปิดกิจการเนื่องจากพิษสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนมาตลอด โดยเป็น โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ ที่ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานทุกคน ไปเมื่อวันที่ 22พ.ย.66 โดยมีหนังสือจาก นายอำนวย พิจิตรพงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ได้ออกประกาศเรื่อง การเลิกจ้างพนักงาน382 คน จะมีผลตั้งแต่วันที่ 28ธ.ค.66 ซึ่งหากเปิดผลประกอบการย้อนหลัง ของบริษัทพบว่าขาดทุนอย่างหนักหลักพันล้าน
ซึ่งหนังสือถึงพนักงานโรงงานเหล็กกรุงเทพฯ ระบุว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯ มาโดยตลอดตามระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี บริษัทฯประสบปัญหาขาดทุนสะสมมาโดยตลอด อีกทั้งบริษัทฯ ได้พยายามหาทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงาน แต่ผลการดำเนินงานยังคงประสบภาวะขาดทุนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ดังนั้นบริษัทฯมีความจำเป็นที่ต้องเลิกจ้างพนักงานทุกท่าน ทั้งนี้พนักงาน ที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย จะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566
โดยใจความในหนังสือชี้แจงถึงพนักงานดังกล่าว ได้ระบุชัดเจนถึงสาเหตุที่ต้องเลิกจ้างพนักงานทุกคน เพราะบริษัทฯประสบปัญหาขาดทุนสะสมอย่างหนักมาตลอด ในที่นี่จะพาไปเปิดผลประกอบการย้อนหลัง โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ ซึ่งทาง ฐานเศรษฐกิจ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ผู้ผลิตเหล็กแท่ง(Billet) และจำหน่ายเหล็กรายใหญ่ของไทย ในอำเภอพระประแดง สมุทรปราการ อายุกว่า 59 ปี ผลการดำเนินงาน 5 ปีที่ผ่านมาขาดทุนอ่วมกว่า 2.5 พันล้าน
:อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ ไปต่อไม่ไหว ประกาศเลิกจ้างพนักงาน ยุติกิจการ59ปี
โดย โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ เป็นบริษัทในเครือ ฉื่อ จิ้น ฮั้ว ของตระกูล “พิจิตรพงศ์ชัย” ผู้ผลิต "เครื่องครัวตราจระเข้" และโรงงานผลิตอะลูมิเนียมแผ่น เมื่อตรวจสอบงบข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท และงบการเงินที่บริษัทแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบ Creden Data พบว่า บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2507 ทุนจดทะเบียน 4,908 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 42 หมู่ 4 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
ผู้ถือหุ้น บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด
-นายภูริพัฒน์ พิจิตรพงศ์ชัย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 74.59%
-รองลงมาได้แก่นายอำนวย พิจิตรพงศ์ชัย 13.41 %
-บริษัท ฉื่อจิ้นฮั้ว 9.64 %
-บริษัท ไทยเอเซียสตีลไพพ์ จำกัด 1.94 %
-กฤชฐารวี พิจิตรพงศ์ชัย 0.19 %
-ธัญวรัตน์ พิจิตรพงศ์ชัย 0.19 %
-บริษัท อลูมิเนียมฉื้อจิ้นฮั้ว 0.02 %
-บริษัท เฟิสท์ฉื่อจิ้นฮั้ว 0.02 %
เมื่อตรวจสอบงบการเงินที่ บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ กระทรวงพาณิชย์ แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำกัด กระทรวง ผ่านระบบ Creden Data พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2561-2565 บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างหนักรวมกว่า 2,501.18 ล้านบาท ดังนี้
ปี 2561 ขาดทุน 422.07 ล้านบาท
ปี 2562 ขาดทุน 583.61 ล้านบาท
ปี 2563 ขาดทุน 1,032.84 ล้านบาท
ปี 2564 ขาดทุน 146.03 ล้านบาท
ปี 2565 ขาดทุน 316.61 ล้านบาท
เมื่อเจาะลึกในงบการเงินตั้งแต่ปี 2561-2565 บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ มีรายได้รวม 28,516.05 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายรวมอยู่ที่ 30,767.70 ล้านบาท โดยจ่ายจ่ายส่วนใหญ่มาจากต้นทุนขาย 29,904.52 ล้านบาท ดังนี้
ปี 2561 รายได้รวม 6,973.49 ล้านบาท รายจ่ายรวม 7,197.74 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้รวม 5,146.57 ล้านบาท รายจ่ายรวม 5,492.61 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 5,059.69 ล้านบบาท รายจ่ายรวม 5,736.22 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 6,276.59 ล้านบาท รายจ่ายรวม 6,067.13 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 5,059.69 ล้านบาท รายจ่ายรวม 5,863.27 ล้านบาท
ประวัติ"โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ"
บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ผู้ผลิตเหล็กแท่ง(Billet) และจำหน่ายเหล็กรายใหญ่ของไทย ในจังหวัดสมุทรปราการ อายุกว่า 59 ปี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2507 เป็นบริษัทในเครือ ฉื่อ จิ้น ฮั้ว (ผู้ผลิตภาชนะอลูมิเนียม และเสาไฟฟ้าตราจระเข้) ของตระกูล “พิจิตรพงศ์ชัย”
ที่ตั้ง"โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ"
ตั้งอยู่ที่ถนนสุขสวัสดิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทุนจดทะเบียน 3,500 ล้านบาท
สินค้า(Product) ของ"โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ"
บริษัทโรงงานเหล็กกรุงเทพฯ เป็นผู้ผลิตเหล็กแท่ง(Billet) เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทั้งเหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กลวดคุณภาพสูง และเหล็กเพลาดำ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (มอก.) ภายใต้สัญลักษณ์ บลกท. ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตประมาณ 400,000 ตัน/ปี บริษัททำการผลิตเองทุกขั้นตอน ด้วยระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของ บลกท. ได้มาตรฐานมีคุณภาพและสม่ำเสมอตามความต้องการของลูกค้า
cr.ฐานเศรษฐกิจ