ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

ย้อนชีวิต "คุณหมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝันอย่างเต็มที่ ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยไม่ถึง 30 ปี

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย : นับเป็นข่าวเศร้ามากจริงๆ หลังจากที่คุณพ่อไทภัทร ธนสมบัติกุล บิดาของ นายแพทย์กฤตไท ธนสมบัติกุล หรือ หมอหนุ่มที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมาประมาณ 1 ปีกว่า ซึ่งคุณพ่อหมอกฤตไท ได้แจ้งข่าวว่า ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา 

 

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

 

สำหรับ หมอกฤตไท หมอหนุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 ในวัย 28 ปี ซึ่งหลังจากที่ทราบว่าตนเองป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายนั้น และที่ผ่านมา หมอกฤตไท ได้แบ่งปันเรื่องราวชีวิตที่พลิกพันเป็นผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 พร้อมสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของชีวิต จนเป็นแรงบรรดาลใจให้กับหลายคน

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย


หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนพ.ย. 2565 หมอกฤตไท ที่เพิ่งบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน กำลังวิ่งตามความฝันอย่างเต็มที่ วางแผนในอนาคตอย่างงดงาม แต่เหมือนฝันและทุกสิ่งก็พังทลายลง เพราะคุณหมอพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย ซึ่งตั้งแต่นั้นมาหมอกฤตไท ก็ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตัวเองไม่สูบบุหรี่และชอบออกกำลังกาย พร้อมเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "สู้ดิวะ" เพื่อแชร์เรื่องราวการต่อสู้โรคร้าย

 


กระทั่งในปลายเดือนพ.ย. 2565 คุณหมอได้อัปเดตอาการว่าตัวเองยังใช้ชีวิตประจำวันได้แทบตามปกติ และเล่าประสบการณ์ที่เข้ารับการเคมีบำบัด จนมีการแชร์เรื่องราวและเข้าไปให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

 

ต่อมาเดือนต้นมี.ค. 2566 เป็นช่วงที่จ.เชียงใหม่ประสบปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 หมอกฤตไท ได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามว่า ฝุ่นควันในเชียงใหม่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณหมอป่วยเป็นมะเร็งปอด พร้อมสะท้อนถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 และเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้คนในประเทศมีอากาศสะอาดและสุขภาพแข็งแรง


จากข้อความดังกล่าวเป็นแรงกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงภัยของฝุ่น PM.25 จนเกิดกระแสกดดันให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเป็นการด่วน ซึ่งในเดือนก.ย. 2566 คุณหมอก็โพสต์อัปเดตอาการป่วย และระบุว่ากำลังเขียนหนังสือ "สู้ดิวะ" เล่าเรื่องราวต่างๆของชีวิต จนปลายเดือนก.ย.ก็ตีพิมพ์และวางจัดจำหน่ายจนยอดจองถล่มทลายสั่งซื้อจนหมดเกลี้ยง

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย


หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม หมอกฤตไท อาการไม่ค่อยดีขึ้นมะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย ต้องเข้ารับการรักษาเป็นการด่วน ซึ่งผู้ติดตาม เพจ "สู้ดิวะ" ต่างก็เข้ามาโพสต์ให้กำลังใจ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีการเผยแพร่คลิปคุณหมอกฤตไทเข้าพิธีวิวาห์กับคนรัก ซึ่งคุณพีม ภรรยาก็ได้เผยความรู้สึกที่มีต่อหมอไททำเอาคนที่ได้ฟังถึงกับกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่

 


ในเดือนเดียวกัน หมอกฤตไท ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า " ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ใครมีอะไรอยากพูดอยากบอกผมเชิญได้เลย ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจ" แต่เมื่อเพื่อนและผู้ติดตามเฟซบุ๊กของคุณหมอ ได้เห็นข้อความ ต่างก็ส่งข้อความให้กำลังใจ

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย


สิ่งประทับใจที่ หมอกฤตไท ได้เห็นก็คือ ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นักเรียนสวนกุหลาบได้ต่างพร้องใจแปรอักษร เป็นกำลังใจหมอกฤตไท มีใจความว่า "ด้วยความรักจากน้องนักเรียนสวนกุหลาบเพื่อพี่หมอกฤตไท"

 


กระทั่ง คุณพ่อไทภัทร ได้แจ้งข่าวว่า ลูกชายได้เดินทางในเส้นทางใหม่แล้วในวันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 10:59 น. ซึ่งนับว่าน่าใจหายพอสมควรจากที่เดิมที หมอกฤตไท คาดคะเนว่าตนเองอาจจะสู้ไหว และอาจจะต้านไม่ไหวช่วงกลางเดือน ธันวาคม 

 

ย้อนชีวิต "หมอกฤตไท" กำลังวิ่งตามความฝัน ก่อนตรวจพบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

ภาพจาก สู้ดิวะ