- 22 ธ.ค. 2566
ขนลุก พระอธิการบุญมา พูดถึงดวงวิญญาณน้องชมพู่ มาสื่อจิตให้เห็นเรียกร้องความเป็นธรรมตั้งแต่วันศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งแรก
จากกรณี ศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการยื่นฟ้อง นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล จำเลยที่ 1 และน.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น จำเลยที่ 2 ในคดีพรากน้องชมพู่อายุ 3 ปีเศษ และทอดทิ้ง ณ เขาภูเหล็กไฟ เพียงลำพังโดยไม่มีอาหารและน้ำดื่ม จนถึงแก่ความตาย ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ค. 2563
โดยพิพากษาให้ นายไชย์พล จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 292, 317 วรรคแรก ฐานกระทำ โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปีข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับน.ส.สมพร จำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง
ล่าสุดทาง พระอธิการบุญมา เจ้าอาวาสวัดกกกอก พยานในคดีอีกราย ได้เล่าว่า ในวันที่น้องชมพู่หายไป ตอนที่ลุงพลมาที่วัด ลุงพลได้ทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายแล้วจริง ๆ ส่วนเรื่องเวลาที่เจอลุงพล ตัวเองก็ยืนยันเหมือนเดิมลุงพลได้ช่วยตามหาน้องและมีการถามหาเซียงฆ้อง หรือหมอธรรมกับตัวเอง ซึ่งเซียงฆ้องจะทำหน้าที่ช่วยตามหาคนหาย โดยใช้ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้องโดยใช้ฆ้อง (สิ่งของที่ใช้ใส่กบใส่เขียด) เป็นสื่อกลาง ในการเรียกบุคคลที่สูญหายไปเพื่อให้เจอตัวโดยเร็ว
ส่วนเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องลี้ลับเหนือมนุษย์ เกี่ยวกับดวงวิญญาณของน้องชมพู่ และเกิดมาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ช่วงศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งแรก และเกิดขึ้นต่อเนื่อง เคยมีพระภิกษุสงฆ์ที่มาจากที่อื่นแล้วมาธุดงค์ที่นี่ แม้ส่วนตัวจะไม่รู้จักกับน้องชมพู่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของน้องชมพู่ที่อยู่ที่นี่