- 02 ม.ค. 2567
"หมอธีระวัฒน์" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ออกมาโพสต์ บทความข้อมูล ในหัวข้อ แช่น้ำร้อน 40 องศา ซ้ำ ๆ ช่วยเบาหวาน
"หมอธีระวัฒน์" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
แช่น้ำร้อน 40 องศา ซ้ำๆ ช่วยเบาหวาน
บทความนี้คล้องจองกับที่หมอเคยนำเรียนมาก่อนหน้านี้ในคอลัมน์สุขภาพหรรษาไทยรัฐ ที่ว่าอบร้อนซาวน่า สมองใส ทั้งนี้โดยที่ความร้อนขนาด 50 องศาขึ้นไปโดยที่มีความชื้นอยู่ด้วยที่เรียกว่าเป็น wet heat มีความสามารถที่ทำให้โรงพลังงานของเซลล์คือไมโตคอนเดรียสามารถที่จะคลายกระจุกของโปรตีนบิดเกรียวที่เป็นพิษต่อเซลล์และถ้าแก้ไขไม่ได้จะมีผลที่ทำให้โรงพลังงานต้องทำงานหนักขึ้น และเซลล์อายุสั้น
รายงานนี้เป็นการศึกษาในคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่สอง โดยจากคณะทำงานนำโดยคุณหมอ Anthony Shepherd จาก faculty of Science and Health, University of Portsmouth ประเทศ อังกฤษ ในวารสาร American Journal of physiology (Endocrinology and metabolism)
8 พฤศจิกายน 2023
ที่มาของการศึกษานี้ ก็เนื่องจากว่ามีข้อมูลอยู่พอสมควรว่าการแช่น้ำร้อนนั้นจะทำให้การควบคุมการใช้พลังงาน น้ำตาลในคนปกติ ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามข้อมูลยังค่อนข้างจำกัดในคนที่เป็นเบาหวานแล้ว
โดยภาวะเบาหวานจะมีลักษณะ เฉพาะตัว ก็คือมีการอักเสบในร่างกายทั้งระบบและมีภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้เกิดสภาพของอินซูลินเกินในเลือดอย่างเรื้อรังและมีระดับน้ำตาลสูงลอย ผลของการที่มีน้ำตาลสูงในเลือดอยู่ตลอดทำให้เกิดเป็นโรคของเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดขนาดกลางและใหญ่และส่งผลให้ระบบอวัยวะทุกส่วนเสียหาย
การรักษาในปัจจุบันมีเป้าประสงค์ก็คือเพื่อเพิ่มภาวะไวต่ออินซูลินให้ดีขึ้นเพื่อทำให้การควบคุมน้ำตาลดีขึ้นซึ่งต้องมีกระบวนการของการออกกำลัง การควบคุมการกินอาหาร และการใช้ยาชนิดต่างๆ
แต่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จก็คือคนป่วยไม่สามารถควบคุมการบริโภคอาหารและไม่สามารถที่จะออกกำลังได้อย่างสม่ำเสมอและการใช้ยาก็จะมีปริมาณ ชนิดและขนาดมากขึ้นเป็นเงาตามตัวซึ่งจะมีผลข้างเคียงตามมา
ผลของการแช่น้ำร้อนเป็นระยะเวลานาน ยกตัวอย่างเช่น ปฏิบัติเป็นเวลา 12 อาทิตย์ในหนูทดลองปรากฏว่าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับของอินซูลินในเลือดลดลง ทั้งเมื่อวัดหลังอดอาหารและหลังให้อาหาร และทำให้ภาวะไวต่ออินซูลินดีขึ้น
การแช่น้ำร้อนดังกล่าวยังได้ผลเช่นกันในผู้ใหญ่ที่อ้วนแต่ไม่ได้เป็นเบาหวานโดยการแช่น้ำร้อน 10 ครั้งในช่วงระยะเวลาสองอาทิตย์หรือสามครั้งต่ออาทิตย์เป็นเวลาหกอาทิตย์
การศึกษาที่ผ่านมาในคนที่เป็นเบาหวานแล้วนั้น เท่าที่มีรายงานโดย Hooper และคณะ จะแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 30 นาทีถึงระดับลึกถึงหัวไหล่ทั้งหมด 18 ครั้งในช่วงระยะเวลาสามอาทิตย์และพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดทั้งอดอาหารและค่าน้ำตาลสะสมลดลง
ดังนั้นในการศึกษานี้ จะเป็นการพิสูจน์ว่าดีจริงหรือไม่โดยการแช่น้ำร้อนซ้ำๆและวิเคราะห์ ที่ละเอียดมากขึ้น ทั้ง อดอาหาร และหลังอาหาร ถึงภาวะความไวต่ออินซูลิน ภาวะการอักเสบและจะมีผลต่อ eHSP70 (extra cellular heat shock protein 70) และอัตรา การเผาผลาญขณะพัก( resting metabolic rate หรือ RMR) หรือไม่
สำหรับกลไกของการแช่น้ำร้อนซ้ำๆนั้น อาจอยู่ที่ความร้อนอาจจะสามารถลดภาวะการอักเสบเรื้อรังโดยเพิ่ม heat shock protein 72 ในเนื้อเยื่อไขมันซึ่งมีผลในการลด inflammatory transcription factors และกระตุ้นให้มีการใช้กลูโคสมากขึ้นจากอินซูลิน ทั้งนี้โดยที่พิสูจน์แล้วว่าในภาวะเบาหวานนั้นจะมีระดับของ heat shock protein ในเซลล์ต่ำและเกิดเป็นกระบวนการอักเสบจนถึงดื้ออินซูลินตามลำดับ
การได้รับความร้อนในลักษณะนี้ยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อและทำให้มีการเพิ่มของ endothelial nitric oxide synthase ในเส้นเลือดและทั้งในเส้นเลือดฝอยซึ่งมีผลดีต่อการลดการอักเสบตลอดจนเพิ่มความไวต่ออินซูลิน และการได้รับความร้อนซ้ำๆอยู่เป็นระยะเวลานานจะกระตุ้นให้มีปริมาณน้ำในกระแสเลือด เพิ่มขึ้น เหมือนกับการฝึกฝน การออกกำลังให้ทนขึ้น
มีภาวะอัตราการเผาผลาญขณะพักลดลงและช่วยในการควบคุมน้ำหนักและประสิทธิภาพของการทำงานของหัวใจและปอด
ในการการศึกษานี้การแช่น้ำร้อน คือการใช้อุณหภูมิของน้ำที่ 40 องศา แช่เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งนี้โดยวัดอุณหภูมิของร่างกายทางทวารจะอยู่ที่ 38.5 ถึง 39 องศา และทำซ้ำแปดถึง 10 ครั้งภายในระยะเวลาช่วง 14 วัน
การศึกษามีผู้ที่เป็นเบาหวานทั้งหมด 14 ราย โดยที่ไม่มีโรคของเส้นประสาทส่วนปลายอย่างรุนแรงไม่มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้คือเกินกว่า 180 ตัวบนและ 100 ตัวล่างและไม่มีโรคของเส้นเลือดหัวใจตีบตันหรือเส้นเลือดสมองตีบตันและไม่มีภาวะทางหัวใจอย่างอื่นที่จะกระทบกับการศึกษานี้ การศึกษานี้ยังได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการจริยธรรม London Queensquare NHS research ethics committee และ Health research authority และลงทะเบียนใน ClinicalTrials website
ผู้เข้าร่วมการศึกษาอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ปีและเป็นผู้หญิงและผู้ชายใกล้เคียงกันมีส่วนสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.68 เมตรและน้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 85 กิโลกรัมโดยดัชนีมวลกายเฉลี่ยอยู่ที่ 30.0
และก่อนที่จะเข้าการศึกษานั้นมีค่าน้ำตาลสะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 8.2 และเป็นเบาหวานมานานประมาณ 10 ปีทั้งนี้โดยที่ได้รับยาเบาหวานชนิดต่างๆรวมกระทั่งถึงยาลดไขมันและยาลดความดันด้วยแต่ความดันทั้งตัวล่างและตัวบนอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
และการวิเคราะห์มีทั้งก่อนและหลังปฏิบัติการ
ค่าที่วิเคราะห์จะทำทั้งภาวะที่อดอาหารมากกว่าหรือเท่ากับ 12 ชั่วโมง และ 2 ชั่วโมงหลังจากที่ให้กินกลูโคสในปริมาณ 75 กรัม
กระบวนการศึกษาวิจัยการแช่น้ำร้อนการควบคุมอุณหภูมิจนให้อุณหภูมิในแกนในของร่างกายจากการวัดทางทวารอยู่ในมาตรฐานและการมอนิเตอร์ต่างๆนั้นสามารถหาอ่านรายละเอียดได้ในวารสารฉบับดังกล่าว
ผลที่ได้รับจากการแช่น้ำร้อนดังกล่าวซ้ำๆ ในช่วง 14 วัน ปรากฏว่า ขณะที่อดอาหารภาวะไวต่ออินซูลินดีขึ้นและระดับของอินซูลินในพลาสม่าลดลง
แต่ระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร ระดับ eHSP70 และ ค่า IL-6 และ -10 กับ ภาวะไวต่ออินซูลินหลังอาหารระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินในเลือดไม่ต่างกัน
แต่อัตราการเผาผลาญ ขณะพักจะลดลง 6.63% แม้ว่าอัตราของ oxidation ของแป้งและไขมันจะอยู่ในระดับเดิม
ผลของการศึกษาที่แสดงในขณะที่อดอาหาร มีความไวต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น โดยระดับอินซูลินในเลือดลดลงนั้น รวมทั้งทำให้ประสิทธิภาพของการเผาผลาญดีขึ้นหรือมีการลดอัตราการเผาผลาญในขณะพัก แสดงให้เห็นถึงความมีประโยชน์ของการแช่น้ำร้อนดังกล่าวและในอนาคตอาจจะนำไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มสุขภาวะโดยเฉพาะในคนที่เป็นเบาหวาน
แต่ที่ต้องท่องการให้ขึ้นใจก็คือการแช่น้ำร้อน จนกระทั่งถึงการอบซาวน่าอย่างที่ได้เคยกล่าวไปแล้วนั้น แท้จริงเป็นตัวช่วยซึ่งที่ต้องปฏิบัติจริงก็คือ เรื่องของอาหารการกิน ซึ่งถ้าอยากที่จะมีชีวิตยืนยาว ไม่เป็นภาระต่อคนอื่นโดยพึ่งตนเองได้ ต้องพยายามเข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง น้ำตาล ของหวานขนม กินผัก ผลไม้กากใย ออกกำลัง กรุณาอย่านั่งแฉะแบะ เห็นแดดก็ออกไปตากบ้างเ พราะแดดมีคุณค่าต่อชีวิตซึ่งไปปรับยีนส์ ที่เป็นเทวดาอารักษ์ของเซลล์ต่างๆ ให้ยืนยาว