หมอมนูญ เตือนระวัง "ไรโนไวรัสระบาด" วินิจฉัยยาก ค่าตรวจแพง ไม่มียาต้าน

หมอมนูญ เตือน "ไรโนไวรัสระบาด" วินิจฉัยยาก ค่าตรวจแพง ไม่มียาต้าน ต้องให้ตามอาการ เป็นไวรัสที่ปรับตัวทนความร้อนได้ดี ลงหลอดลม-ปอด อาการคล้าย RSV

วันที่ 4 ม.ค. 2567 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าหน่วยโรคระบบทางเดินหายใจ หัวหน้าห้อง ICU โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ถึงสถานการณ์ "ไรโนไวรัส" ระบาด โดยระบุว่า

 


หมอมนูญ เตือนระวัง ไรโนไวรัสระบาด วินิจฉัยยาก ค่าตรวจแพง ไม่มียาต้าน

ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไรโนไวรัส Rhinovirus ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ของไวรัสทางเดินหายใจ รองจากไวรัสโควิด และไข้หวัดใหญ่ การวินิจฉัยยังยาก ต้องใช้การตรวจแบบรหัสพันธุกรรม เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสูง ยังไม่สามารถตรวจได้ในราคาถูกโดยใช้ชุดตรวจที่ให้ผลเร็ว


ปกติถ้าสงสัย Rhinovirus เราจะไม่ส่งตรวจ เพราะเมื่อทราบแล้วก็ไม่มียาต้านไวรัส ให้ยาตามอาการ ไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ ไม่มีวัคซีนป้องกันไรโนไวรัส (Rhinovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด (common cold) เดิมเรารู้จักไรโนไวรัส A และ B เป็นไวรัสที่ไม่ทนความร้อน จึงชอบอยู่ที่จมูก เพราะจมูกมีอุณหภูมิต่ำกว่าหลอดลมหรือปอด อาการจึงมีแต่น้ำมูกไหล เจ็บคอ


ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบ Rhinovirus C  ตัวใหม่ เป็นไวรัสที่ปรับตัวทนความร้อนได้ดี จึงลงหลอดลมหรือปอด ทำให้เกิดหลอดลมหรือปอดอักเสบได้ อาการจะคล้ายกับ RSV, hMPV มาก แยกกันได้ยาก

ผู้ป่วยหญิงอายุ 34 ปี วันที่ 21 ธันวาคม 2566 เป็นหวัด น้ำมูกใสๆ เจ็บคอ 1 วัน ไม่ไอ ไม่เหนื่อย ไม่มีไข้ ตรวจร่างกายปกติ คนไข้ขอตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์ พบ Rhinovirus ให้ยารักษาตามอาการ ดีขึ้นเองใน 1 สัปดาห์ เหลือแต่น้ำมูกเล็กน้อย 


ต่อมา 2 วันหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการ วันที่ 23 ธันวาคม 2566 สามีผู้ป่วยอายุ 36 ปี มีน้ำมูก แสบจมูก เจ็บคอ ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย ตรวจร่างกายปกติ คนไข้ขอตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์ พบ Rhinovirus เหมือนกัน ให้การรักษาตามอาการ ไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ ดีขึ้นเองใน 1 สัปดาห์ เหลือแต่น้ำมูกเล็กน้อย