- 25 ม.ค. 2567
ตำรวจสอบสวนกลาง บุกทลายแหล่งปลอม"รสดี" ผงปรุงรสปลอม รวบ 5 ผู้ต้องหา เจอของกลาง 30,000 ซอง มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง บุกทลายแหล่งผงปรุงรสปลอม รวบ 5 ผู้ต้องหา พร้อมของกลาง รสดีปลอม 30,000 ซอง เสียหายกว่า 2 ล้านบาท วันที่ 25ม.ค.67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกันจับกุมตัว
1.นายเกรียงไกร อายุ 31 ปี
2.นางสาวณัฐริกา อายุ 25 ปี
3.นางสาวพัชรี อายุ 41 ปี
4.นาย พิภพ อายุ 46 ปี
5.นาง ภรณ์ทิพย์ อายุ 32 ปี
โดยกล่าวหาว่า ปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรพร้อมด้วยของกลาง
1.ผงปรุงรสปลอมเครื่องหมายการค้า "รสดี" จำนวน 33,405 ซอง
2.ซองเปล่าสำหรับบรรจุผงปรุงรสปลอมเครื่องหมายการค้า รสดี จำนวน 3,0840 ซอง
3.กล่องบรรจุสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า รสดี จำนวน 3,367 กล่อง
4.เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องรีดซอง อุปกรณ์การผลิตจำนวน 23 รายการ
5.สารปรุงแต่งสำหรับการผลิตขนาด 5 กิโลกรัม จำนวน1,768 ซอง
รวมของกลางทั้งสิ้น 69,403 รายการ
พฤติการณ์แหล่งปลอม"รสดี"
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ว่าได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภค กรณีมีสินค้าประเภทผงปรุงรสยี่ห้อ “รสดี” ปลอมกระจายสู่ท้องตลาด จึงได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งสืบทราบว่าสถานที่ตรวจค้นและจับกุมดังกล่าวเป็นสถานที่ผลิต และถูกใช้ในการกักเก็บสินค้าเพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าส่งและประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค รวมทั้งภายในสถานที่เหล่านี้ค่อนข้างสกปรก และไม่ถูกสุขลักษณะ เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาเข้าทำการตรวจค้นทันที
ผลการตรวจค้นทั้ง 3 จุด พบผู้ต้องหาทั้ง 5 รายแสดงตัวอ้างเป็นเจ้าของ และพบของกลางตามรายการดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ พร้อมควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของ 5 ผู้ต้องหาที่ระบุว่าตนเองเป็นเจ้าของสินค้าทั้งหมด
เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่า เบื้องหลังมีนายทุนชาวจีนเป็นเจ้าของตัวจริง แต่หากมีการเข้าจับกุม มักจะให้พนักงาน หรือคนเฝ้าสถานที่ เป็นคนรับสารภาพก่อนเบื้องต้น โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมนายทุนเจ้าของตัวจริงต่อไป