- 27 ม.ค. 2567
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เป็นผู้นำการแถลง "ปฏิบัติการปิดเมืองนราฯ ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้" จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย
วันนี้ (27 ม.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้มีการจัดแถลงผลการปฏิบัติการ "ปิดเมืองนราฯ ล่าซิมบอกซ์ตัดเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้" โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เป็นผู้นำการแถลง
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวว่า พฤติการณ์ในการกระทำผิดของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้โทรหาผู้เสียหายโดยการใช้เครื่องซิมแบงค์ (SIMBANK) โดนมีการแยกเครื่องซิมแบงค์สำหรับเสียบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เป็นของค่ายโทรศัพท์ในประเทศไทย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีการตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ได้โดยจะต้องมีเครื่องซิปบ็อกซ์ (SIM BOX) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อุปกรณ์แปลงสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นสัญญาณมือถือ โดยอุปกรณ์ทั้งสองจะมีการเชื่อมต่อกันผ่าน Router โดยมี “Clound SIP Server" เป็นตัวกลาง
ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีวิธีการทำงานคือเมื่อแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรมาจากต่างประเทศเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหายในไทยโดยใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจะระบุว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการ ขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทรของ กสทช. ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปลงชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งในแต่ละวันคนร้ายจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้สุ่มโทรหาผู้เสียหายวันละหลายแสนครั้ง
ต่อมา กก.6 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่าในพื้นที่ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ชายแดนประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียมีการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ซิมหรือซิมเกตเวย์เพื่อใช้ในการโทรมาหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยหลายรายจนเป็นที่มาในการเปิดปฏิบัติการ "ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX" จำนวน 15 เครื่องและของกลางอื่นๆ
จากการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดสามราย ประกอบไปด้วย
1. น.ส.ซารีนา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี
2. Mr.KIANG WAN อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเซีย
3. Mr.KUOK RONG อายุ 36 ปี สัญชาติมาเลเซีย
โดยทั้งหมด ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา " ร่วมร่วมกัน, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยได้รับอนุญาต, ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498
โดยสามารถจับกุมทั้งสามรายได้บ้านเช่าในพื้นที่ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นมีผู้ต้องหาให้การสารภาพคือ น.ส.ซารีนา และ Mr.KIANG โดยทั้งคู่ได้รับค่าจ้างเป็นค่าดูแลอุปกรณ์ต่างๆ จากนายทุนชาวมาเลเซีย
ส่วนผู้ต้องหาอีกรายยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาอ้างเพียงว่า ตนเพียงโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ 1 ตามสั่งการของนายทุนชาวมาเลเซีย ส่วนตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด
ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอเตือนประชาชนทุกท่านหากพบบุคคลต้องสงสัยมีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าได้มีการเช่าสถานที่เพื่อใช้ในการซุกซ่อนอุปกรณ์ 10 บล็อกสามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบส่วนกลางให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป