- 21 ก.พ. 2567
เพื่อนสนิทนุ่น อดีตหุ้นส่วนร้านอาหาร ทอย ศิริชัย เผยแชทก่อนนุ่นเสียชีวิต ถูกทำร้ายเจ็บหนัก แฉสิ้นพฤติกรรมสามีโหด ลั่นเวรกรรมมีจริง
คดีน้องนุ่น ที่ทาง "ทอย ศิริชัย"สามี รับสารภาพลงมือสังหารภรรยาตัวเอง ก่อนนำร่างไปเผาอำพรางในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี ล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.67 เพื่อนสนิท น้องนุ่น ได้เปิดใจถึงแชทที่นุ่นส่งมาหาก่อนเสียชีวิต พร้อมแฉพฤติกรรมของนายศิริชัยที่ชอบทำร้ายร่างกายแฟนสาว
โดย น.ส.มิ้น เพื่อนสนิท ของน.ส.ชลลดา หรือ น้องนุ่น และเป็นอดีตหุ้นส่วนร้านอาหารกับนายศิริชัย รักทอง อายุ 33 ปี สามีของนุ่น ได้นำแชทของน.ส.นุ่นที่เคยทักขอความช่วยเหลือเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว หลังถูกนายศิริชัยทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บตาปูด มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า รวมถึงเอามือถือ ไอโฟน12 Pro max ไปทุบทิ้ง
น.ส.มิ้น กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายศิริชัย หรือทอย เนื่องจากเคยเป็นอดีตหุ้นส่วนร้านอาหารกับตน ส่วนนุ่นตนมารู้จักทีหลังเนื่องจากเพิ่งมาคบกับทอยได้เมื่อประมาณต้นปี 2564 ซึ่งก่อนหน้าที่ทอยจะคบกับนุ่นตนรู้จักแฟนเก่าของทอยได้ทักมาหาตนว่าถูกนายทอยทำร้ายร่างกาย ขอความช่วยเหลือ ปรึกษาว่าไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้จากนั้นก็ได้เลิกรากันไป
ต่อมาประมาณ 2-3 เดือน ทางนุ่นก็ได้เข้ามาแล้วทั้งคู่ก็คบกันมาจนกระทั่งมีลูกน้อย หลังจากนั้นก็มีเรื่องทะเลาะกันมาโดยตลอด ซึ่งทางนุ่นก็จะคอยทักมาบอกตนว่าถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งทั้ง 2 คนเคยเป็นแฟนเก่ากันมาก่อน โดยนุ่นเล่าว่าระหว่างคบกันถูกทำร้ายร่างกายจนตาปูดบวม มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า รวมถึงเอามือถือ IPhone 12 Pro max ของนุ่นไปทุบทิ้ง
ซึ่งก็มีอีกเหตุการณ์เมื่อประมาณวันที่ 8 ก.ค.66 ทางนุ่นเคยโทรหาตนให้ไปรับเพราะถูกนายทอยร้ายร่างกายจนฟันหัก ตนจึงรีบไปรับนุ่นที่บ้านแล้วรีบเก็บของพานุ่นและลูกมานอนพักที่บ้านประมาณ 5 วัน ระหว่างนั้นตนก็ได้พูดปลอบกับนุ่นถ้าไม่ไหวก็ออกมา เพราะว่าตนสงสารลูกของนุ่นมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนพยายามพูดคุยทั้งด่า ทั้งเตือนนายทอยว่าอย่าทำแบบนี้ แต่ทอยเป็นคนที่พูดไม่ค่อยจะฟัง โดยทอยจะเป็นคนที่เงียบๆพออยู่กับเพื่อนพี่น้อง
และเป็นคนพูดจาไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ทำเป็นคนมีเงินมีอำนาจ แต่เท่าที่รู้จักจะเป็นคนที่ไม่กล้าด่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพี่น้อง นอกจากแฟนที่จะด่าทอและทำร้ายร่างกาย ส่วนนิสัยของนุ่นก็จะเป็นคนขี้น้อยใจ งองแงบ้างตามประสาแฟน แต่เป็นคนน่ารัก แต่ทุกครั้งเวลาที่ 2 คนทะเลาะกันผ่านไปไม่ถึง 1-2 วัน ก็กลับมาคืนดีกัน ช่วงหลังตนก็รู้สึกชินกับเรื่องของทั้งคู่
โดยในวันที่ 19 ก.พ.67 แม่ของตนได้วิ่งลงมาจากบ้านแล้วบอกตนด้วยความตกใจว่านุ่นหายตัวไป เพราะแม่ของตนจะสนิทกับทางทอย และนุ่นมาก แต่ตนไม่ได้ติดตามเฟซบุ๊กของทอย เพราะว่าไม่ชอบพฤติกรรมเลยไม่ทราบข่าวที่นุ่นหาย หลังจากที่ทราบข่าวตนรีบโทรหานายทอยแล้วจะประสานนักข่าวประจำจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนให้ไปทำข่าวช่วยตามหา แต่ทอยยึกยักเหมือนยังไม่อยากให้ข้อมูลกับนักข่าว
ตนจึงโทรพูดคุยสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางทอยก็เล่าให้ตนฟังแต่เล่าไม่เหมือนกับที่ให้ข้อมูลในข่าว โดยเล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนด่านุ่น เพราะนุ่นไปกินเลี้ยงแล้วเล่นยา จึงไม่พอใจแต่นุ่นเถียงจึงเดินลงจากรถลงที่คลองประปา จากนั้นก็ดึงกลับมาเข้ารถได้ จากก็ขับรถใกล้ถึงหน้าหมู่บ้านนุ่นเดินลงรถและหายไปที่ถนนบอนด์สตรีท ซึ่งข้อมูลนี้คือทอยเล่าให้ตนฟัง จากนั้นตนก็จะประสานนักข่าวให้กับทอยแต่ทอยก็ยังไม่อยากให้ข้อมูล
ต่อมาทอยจึงไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด วันที่ 19 ก.พ.67 ตนกับแม่ของตนก็ยังเป็นห่วงได้โทรหาทอยอีกรอบเพื่อถามข้อมูล ทอยก็บอกว่าจะไปหาตัวนุ่นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะ GPS ขึ้นอยู่ที่นั่น ตนกับแม่ก็ยังไม่เลิกเป็นห่วงได้บอกกับทอยว่าให้เอาลูกมาที่บ้านก่อนจะเลี้ยงดูให้ไม่อยากให้ลูกไปลำบากเพราะยังเป็นเด็กเล็กอยู่ แต่ทางทอยก็ไม่ฟังบอกลูกตัวเองชินแล้ว ซึ่งก็บอกต่ออีกว่าตอนที่ตนโทรหายางรถยนต์แตก กำลังเปลี่ยนยางอยู่ที่มีนบุรี จากนั้นตนก็ประสานเรื่องให้นักข่าวเพื่อนตนอีกรอบ แต่ก็บ่ายเบี่ยงอ้างนู้นนี่ และก็ทักมาบอกว่านักข่าวอยู่เต็มหน้าบ้าน
ซึ่งตนและแม่ตนยังคิดไม่ถึงว่าทอยจะทำแบบนี้ สุดท้ายนี้ระหว่างที่นุ่นยังมีชีวิตอยู่ตนเชื่อว่า ตนเป็นคนนึงที่ให้ความช่วยเหลือนุ่นเป็นห่วงนุ่นถึงที่สุดอยู่แล้ว รวมถึงลูกของนุ่นรักเหมือนเป็นหลานแท้ๆ สุดท้ายนี้ตนกับแม่เชื่อว่าเวรกรรมมีจริงให้ทอยได้ชดใช้กรรมตามกฎหมาย
ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ตนก็เคยสอบถามทอยว่าทำไมถึงทำร้ายร่างกายผู้หญิง แต่ทอยก็ตอบว่า “เคยเห็นความรุนแรงมาตั้งแต่เด็กโดยเห็นแม่ตีพ่อ จึงเลือกที่จะทำร้ายคนอื่น ”