- 11 มี.ค. 2567
จับแล้ว หนุ่มใช้หมวกกันน็อคฟาดรถ โวยวายคุกคามสาวขับรถบนทางด่วน ลั่นสาวขับรถไม่มีน้ำใจ โบกมาหลายคัน แต่ไม่มีใครจอดรับ
กรณีคลิปที่สาวรายหนึ่งโพสต์เตือนภัย ถูกชายวัยกลางคน ยืนขวางถนน ขณะกำลังขับรถขึ้นทางด่วนด่านเลียบแม่น้ำ ถนนพระราม 3 ช่องนนทรี กรุงเทพมหานคร เพียงลำพัง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะแสดงพฤติกรรมคุกคาม ตะโกนลั่น ไปลงด้วยได้ไหมขอลงหน่อย ขอไปลงข้างหน้าหน่อย แต่สาวเจ้าของรถไม่เปิดประตูให้ และพยายามขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ จากนั้น ชายวัยกลางคน ได้ใช้หมวกกันน็อคฟาดกระจกฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง อย่างแรง
ซึ่งล่าสุดวันที่ 11มี.ค67 ตำรวจชุดสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ จับตัวหนุ่มรายนี้ได้แล้ว ที่ย่านซอยรามคำแหง 81 กรุงเทพมหานคร ได้นำตัวมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน นานกว่า 3 ชั่วโมง
ผู้ต้องหา สารภาพว่า สาเหตุที่ขึ้นไปบริเวณทางด่วน เพราะต้องการรอรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โบกรถมาหลายคัน แต่ไม่มีใครจอดรับ ยอมรับสาเหตุที่ตัดสินใจใช้หมวกกันน็อคฟาดรถขเพราะไม่มีน้ำใจ พร้อมปฏิเสธที่จะขอโทษ
ด้าน นางสาวแก้ม วัย 35 ปี ผู้เสียหาย ยอมรับ ขณะเกิดเหตุ เห็นชายคนดังกล่าว ยืนอยู่บริเวณไหล่ทางฝั่งซ้าย ยืนยัน ตั้งใจไม่ได้จะรับผู้ต้องหา ตั้งแต่ต้น เนื่องจาก เดินทางมาเพียงลำพัง และเกรงในเรื่องความปลอดภัย แต่ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ หลังรถที่อยู่ใกล้เคียง เบียดเข้ามา ทำให้ตัวเองตัดสินใจชลอรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ก่อนที่ ผู้เสียหาย จะเดินเข้ามาดึงประตูรถ แต่โชคดีที่ตัวเองล็อครถไว้ จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้พูดจากตามคลิป และก่อเหตุดังกล่าว ยอมรับรู้สึกตกใจอย่างมาก
ผู้เสียหาย ยังบอกว่า บริเวณกระจกที่ ผู้ก่อเหตุใช้หมวกกันน็อคทุบนั้น เสียหายเล็กน้อย โดยจะให้ประกันดูแลต่อไป ยืนยัน จากการพูดคุยกับ ผู้ก่อเหตุ พบมีอาการคล้ายสติไม่ดี
ส่วนที่ ผู้ก่อเหตุ ระบุว่าสาเหตุที่เอาหมวกกันน็อคฟาด เพราะไม่มีน้ำใจ นางสาวแก้ม ระบุว่า ก็ทราบมาว่าเป็นแบบนั้น แต่ไม่เป็นไร ส่วนตัวก็มีสิทธิ์จะเลือก ว่าจะช่วยเหลืออะไรใครแค่ไหน ตัวเองอาจจะโชคร้ายที่จังหวะหลบเลี่ยงไม่ได้ ยืนยัน ยกโทษให้ ผู้ต้องหา เพราะคนสติไม่ดี ไม่สามารถไปเอาเรื่องอะไรได้
ส่วนเรื่องคดีจะมี 2 ทาง คืออาญาและแพ่ง ในทางอาญาอาจจะมองว่าเขาไม่ปกติ อาจจะยอมความไป แต่ในทางแพ่งก็ให้บริษัทประกันเป็นผู้รับผิดชอบว่าจะทำอย่างไรต่อทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ทาง พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ ซึ่งจะดำเนินคดีใน 2 ข้อหาคือทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ขอโทษผู้เสียหายแล้วหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ อยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลจากครอบครัวแต่จากการสอบปากคำพบว่าผู้ก่อเหตุมีอารมณ์ฉุนเฉียวบ้างในบางช่วง แต่ภาพรวมยังถือว่าอยู่ในอาการปกติ