- 07 เม.ย. 2567
ไรเดอร์หนุ่มร้องทุกข์ ถูกคนขับรถบรรทุกไล่ชน ลงมาฟันศีษะ เหตุแพ้เสียงแตรถูกบีบแตรใส่ ผ่านมากว่า 1 สัปดาห์ เหตุเกิดซอยนวมินทร์ 111 คดีไม่คืบทั้งๆที่มีกล้องวงจรปิดชัด
ไรเดอร์หนุ่มถูกคนขับรถบรรทุกไล่ชน ลงมาฟันศีรษะ เหตุแพ้เสียงแตร โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุภายในซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร จับภาพรถบรรทุกตู้ทึบสีขาวขับไล่ชนรถจักรยานยนต์ของไรเดอร์มาถึงซอยตัน
ก่อนที่จะจอดและคนขับรถบรรทุกและคนที่นั่งมาด้วยได้ลงมาจากรถ ก่อนที่คนขับรถบรรทุกจะใช้อาวุธมีดไล่ฟันศีรษะไรเดอร์ และคนที่นั่งมาด้วยลงมาไล่ชกหน้า จนไรเดอร์ต้องหนีหัวซุกหัวซุน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม67ที่ผ่านมา
ซึ่งไรเดอร์ที่ถูกทำร้ายในครั้งนี้ คือ นายพรรษกร หรือ เฟรม อายุ 22 ปี ได้นำหลักฐานใบแจ้งความ พร้อมกล้องวงจรปิด เข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด พร้อมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังส่งพัสดุอยู่ภายในซอยที่เกิดเหตุ เมื่อส่งเสร็จตอนเองกำลังจะออกจากซอย แต่พบรถบรรทุกถอยหลังออกจากซอยมาด้วยความเร็ว ตนเองกลัวจะเฉี่ยวชนกัน จึงได้บีบแตรเตือนและมีการมองหน้ากัน ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จากนั้นตนเองจึงไปส่งพัสดุที่บ้านหลังถัดไป
แต่กลับถูกรถบรรทุกคันดังกล่าวขับไล่ชน ก่อนที่คนขับจะถืออาวุธมีดลงมาไล่ฟันศีรษะ และคนที่นั่งมาด้วยชกเข้าที่กกหู ตนเองพยายามยกมือไหว้ขอโทษแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละ ทั้งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาลูกค้าที่ออกมารับพัสดุ แต่ลูกค้าก็ไม่กล้าช่วยเพราะอีกฝ่ายมีอาวุธ จนตนเองต้องวิ่งหนีออกจากจุดดังกล่าว โดยแผลที่ศีรษะ ต้องเย็บ 7 เข็ม และรอยแผลฟันยังถากลงมาถึงบริเวณหัวไหล่ซ้าย ส่วนกกหูก็บวม
ต้องหยุดงานขาดรายได้ อีกทั้งไม่กล้าไปทำงานเพราะซอยที่เกิดเหตุเป็นซอยที่ตนเองต้องไปส่งพัสดุเป็นประจำ และคู่กรณีก็เป็นคนขับรถบรรทุกส่งพัสดุเช่นกัน หากไปทำงานก็อาจเจอกันอีก ทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัย
หลังเกิดเหตุตนเองไปแจ้งความกับตำรวจ สน.ลาดพร้าว โดยกล้องวงจรปิดเห็นทะเบียนรถบรรทุกคันที่ก่อเหตุชัดเจน แต่ตำรวจกลับยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนได้ทั้งที่ผ่านมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ทราบเพียงชื่อผู้ครอบครองรถ ดังนั้นตนเองจึงอยากให้คู่กรณีเข้ามอบตัวกับตำรวจ
โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่มีการไกล่เกลี่ย
ทั้งนี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะประสานผู้กำกับการ สน.ลาดพร้าว เพื่อเร่งรัดคดีและจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนโดยเร็ว เพราะในเมื่อทราบชื่อผู้ครอบครองรถแล้ว ก็เพียงเรียกมาสอบปากคำ หรือตามไปสอบปากคำที่บริษัท ว่าคนขับรถในวันดังกล่าวเป็นใคร ก็ทราบตัวแล้ว ไม่ควรนานขนาดนี้ หากปล่อยให้ล่าช้าอาจเกิดเหตุกับผู้เสียหายซ้ำอีก