- 10 พ.ค. 2567
ฉาวอีก! ปลัดอำเภอสุดชุ่ย ตรวจฉี่สลับคน ทำผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหญิงวัย 56 ปี ตกเป็นผู้ต้องหา จำเลยสังคม พอความจริงปรากฎกลับหายเงียบ ไร้สำนึกรับผิดชอบ
วันนี้เวลา 15.00 น. ที่เพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม กทม. นางหนูจันทร์ อายุ 56 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ใน จ.มหาสารคาม พร้อมครอบครัว เดินทางเข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ปลัดอำเภอ จ.มหาสารคาม เรียกตรวจสารเสพติดผู้นำชุมชนในวันประชุมผู้นำชุมชนของ ต.ภารแอ่น อ.พยัคฆภูมิพิสัย เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 กว่า 30 ราย โดยวิธีการให้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไปปัสสาวะ แล้วนำมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนเข้าห้องประชุม สุดท้ายมีการสลับปัสสาวะ ทำให้ผลตรวจไม่ตรงกับเจ้าของ ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ปลัดอำเภอแจ้งในที่ประชุมว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนูจันทร์ มีฉี่สีม่วงจากการเสพยาบ้า และสั่งให้ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนูจันทร์ รีบไปลาออกจากตำแหน่ง ให้เลือกเอาจะไปติดคุก หรือไปบำบัดด้วยการกินยาทุกวัน
นางหนูจันทร์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเกิดที่ ต.ภารแอ่น ใช้ชีวิตอยู่ในตำบลภารแอ่นมา 56 ปี ประกอบอาชีพทำนา มีที่นาเป็นของตนเอง รายได้จากการทำนานำมาส่งลูกเรียนหนังสือจนจบปริญญา หลังลูกเรียนจบจึงตั้งใจจะทำงานจิตอาสาช่วยชุมชน ในตำบลภารแอ่น จึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ก่อนหน้าจะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตนทำหน้าที่จิตอาสาเป็น อสม. ช่วยงานด้านสาธารณะสุขของตำบลภารแอ่นมาไม่ตำกว่า 20 ปี จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของชาวบ้านในตำบลภารแอ่น
ต่อมาวันที่ 7 ก.พ.67 เป็นวันประชุมผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลภารแอ่น ปลัดอำเภอได้มาตั้งโต๊ะตรวจสารเสพติดก่อนเข้าห้องประชุม ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีจะได้มีการคัดกรองผู้เสพยาตามนโยบายรัฐบาล จึงได้เข้าไปฉี่และนำปัสสาวะมาวางไว้ที่โต๊ะจากนั้นจึงเดินเข้าห้องประชุมไปประชุมตามปกติ สักพักปลัดได้เรียกให้ตนออกไปพบพร้อมแจ้งว่าฉี่ตนสีม่วง ตรวจพบสารเสพติดในฉี่ของตน ทำให้ตนตกใจมาก จึงบอกกับปลัดไปว่าตั้งแต่เกิดมาตนยังไม่เคยเห็นหรือรู้จักกับยาบ้าหรือยาเสพติดอะไรเลย ตนจะฉี่ม่วงได้อย่างไร ปลัดจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะส่งฉี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัย ตนจึงขอไปที่โรงพยาบาลด้วย แต่ปลัดปฏิเสธไม่ให้ตนไปบอกจะเอาฉี่ตนไปตรวจเอง จากนั้นช่วงเย็นปลัดได้แจ้งกลับมาว่าผลตรวจที่โรงพยาบาลยืนยันว่าพบสารเสพติดในร่างกายตน และบังคับให้ตนไปลาออกจากตำแหน่งทันที พร้อมถามตนว่าจะติดคุก หรือยอมเข้ารับการบำบัดแต่โดยดี ตนตกใจจนร้องไห้ พร้อมกับยืนยันว่าตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดใดๆทั้งสิ้น จากนั่นตนจึงรีบเดินทางไปที่ รพ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อตรวจฉี่ด้วยตนเอง
หลังตรวจเสร็จผลตรวจออกมาพบว่าเป็นลบไม่พบสารเสพติดใดๆทั้งสิ้น ตนจึงรีบนำผลตรวจไปแจ้งให้ปลัดอำเภอทราบทันที แต่ปลัดกลับต่อว่าตนอย่างรุนแรง กล่าวหาว่าตนขัดคำสั่ง ทำไมต้องไปตรวจซ้ำอีก ใครสั่งให้ไป เป็นแค่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทำไมต้องเรื่องมาก พร้อมกับแจ้งว่าจะยึดถือเอาผลตรวจที่ปลัดเป็นคนเอาไปตรวจเท่านั่น พร้อมกลับสั่งให้ตนรีบไปลาออก และมาบำบัดแต่โดยดีหากไม่อยากจะติดคุก ตนจึงบอกกับปลัดอำเภอไปว่า ตนไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง ตนพร้อมลาออก แต่ตนจะไม่ยอมไปบำบัดเด็ดขาด เพราะหากตนไปบำบัด คนทั้งตำบลจะคิดว่าตนเสพยาบ้าตามที่ปลัดกล่าวหา ตนจึงขอสู้ให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ยังมีเพื่อนผู้นำชุมชนบางคนมาเล่าให้ตนฟังว่า ในวันที่มีการตรวจฉี่ จนท.มีการหยิบฉี่ สลับกันมั่วไปหมด ไม่รู้ของใครเป็นของใคร จึงอาจจะเกิดความผิดพลาดได้
หลังจากนั้นตนได้พยายามไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หลายฝ่ายในพื้นที่ แต่ทุกคนต่างก็บอกให้ตนยอมทำตามที่ปลัดบอก เรื่องจะได้จบๆ ตนได้ฟังแบบนั้นจึงรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจมาก เรื่องของตนดังไปทั่วอำเภอ เพราะปลัดเอาไปพูดให้ผู้นำชุมชนฟัง ทำให้เวลาตนไปไหนมาไหนจะมาแต่คนมาสอบถามเรื่องเสพยาบ้า บางคนก็เอาไปพูดลับหลังอย่างเสียๆหายๆ ครอบครัวตนเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนรู้จักทั่วอำเภอ ทำให้วงศ์ตระกูลของตนได้รับความเสียหายมาก ตนคิดสั่นถึงขั้นล้มป่วยอยากจะฆ่าตัวตาย แต่สามีและลูกชายมาบอกกับตนว่าหากแม่ตาย ทุกคนจะเข้าใจว่าเราตายเพื่อหนีความผิด ตนจึงฮึดสู้ จากนั้นลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าส่งอยู่ที่ จ.ชลบุรี และมีเพื่อนเป็นนายตำรวจ จึงได้ไปขอคำปรึกษา เพื่อนลูกชายได้แนะนำให้ไปพบกับนายตำรวจระดับสูงของ จ.ชลบุรี หลังจากรับฟังเรื่องราวแล้ว นายตำรวจระดับสูงได้ประสานขอความช่วยเหลือมาที่ ท่านเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ทันที จากนั้น ท่านเอกภพ
ได้ประสานไปที่ท่านว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้ช่วยประสาน สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อส่งตัวตนเองมาตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผม จากนั่น ท่านเอกภพ ได้ประสานไปที่ พ.ต.อ.ชัชชัย ไหมวันทา ผกก.สภ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อขอให้ทำหนังสือส่งตัวตนเองมาตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังจากการประสานงานของท่านเอกภพ ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด จนกระทั้งนายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ยอมทำหนังสือส่งตัวให้ตนมาตรวจเส้นผมที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 7 มี.ค.67 กระทั่งผลตรวจเส้นผมออกในวันที่ 4 เม.ย.67
ผลตรวจยืนยันไม่พบสารเสพติดใดๆในร่างกายของตน วันที่ตนได้รับเอกสารยืนยันผลตรวจ เหมือนตนตายแล้วเกิดใหม่ ความทุกข์ที่ตนและครอบครัวแบกไว้กว่า 2 เดือน ความจริงปรากฎแล้วว่าตนไม่ได้กระทำผิด ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตามที่ปลัดกล่าวหามาโดยตลอด ตนจึงคิดว่าทาง ปลัดอำเภอ นายอำเภอ หรือทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะออกมาพูดเพื่อคืนความชอบธรรมให้กับตนเองและวงศ์ตระกูล แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั่น ทุกคนเลือกที่จะเงียบสนิทไม่ออกมาพูดใดๆ ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ ปล่อยให้ชาวบ้านทั้งอำเภอ เข้าใจตนเองและครอบครัวแบบผิดๆต่อไป ในเมื่อหน่วยงานฝ่ายปกครองใน จ.มหาสารคาม ที่ตนทุ่มเททำงานให้อย่างเต็มความสามารถ ไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับตนได้ ตนจึงตัดสินใจเดินทางมาร้องขอควาทเป็นธรรมจาก ท่านเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงเทพ เพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับตนและครอบครัวตนต่อไป
ด้าน ลูกชายของ นางหนูจันทร์ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่วันนี้ความจริงปรากฎ แม่ตนจะได้เลิกร้องไห้เสียที 2 เดือนที่ผ่านมาตนสงสารแม่ตนมากโทรมาร้องไห้กับตนตลอด ตนเคยบอกแม่หลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปเป็นหลอกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เงินเดือน 6,000 บาท แม่ทำงานเหมือนเงินเดือน 60,000 บาท ตื่นตั้งแต่เช้ากว่าจะได้เข้าบ้านก็มืดต้องไปคอยช่วยเหลือชาวบ้าน ทำงานให้หมู่บ้านทุกอย่าง เงินเดือนที่ได้ยังไม่พอเติ มน้ำมันรถเลย แต่ด้วยความที่แม่ใจรักในงานจิตอาสา แม่ทำงานเป็น อสม.มากว่า 20 ปี ตั้งแต่ตนเองยังเด็กๆ สมัยนั้นยังไม่มีค่าตอบแทนใดๆเลย แม่ก็ยินดีทำงานช่วยชุมชนมาโดยตลอด พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตนจึงรู้สึกผิดหวังในหน่วยงานด้านปกครอง ของ จ.มหาสารคาม เป็นอย่างมาก ที่ไม่มีความเป็นธรรมให้กับแม่ของตน เรื่องนี้ปลัดอำเภอ ทำผิดชัดเจน แต่กลับไม่ออกมาขอโทษแม่ตนเองสักคำ คิดว่าตนเองมีตำแหน่งใหญ่โต เลยพูดคำขอโทษกับผู้น้อยไม่ได้ จึงฝากผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เรื่องนี้เมื่อผลตรวจเส้นผมจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาชัดเจนแล้วว่า "ไม่พบสารเสพติด" ผู้ช่วยหนูจันทร์ จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ จะขอโทษ หรือชี้แจง ก็ต้องรีบดำเนินการโดยไม่รอช้า เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้เสียหายก็ทนทุกข์ทรมานมามากพออยู่แล้ว หากจังหวัดมหาสารคาม ยังไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับ #ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็น เพื่อนร่วมงานท่านได้ ต้องปล่อยให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาขอความเป็นธรรมถึงกรุงเทพ ประชาชนในจังหวัดจะได้รับความเป็นธรรมจากท่านได้อย่างไร จึงขอฝากไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พิจารณาเรื่องนี้ด้วย หากไม่ดำเนินการใดๆอาจต้องให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป