- 13 พ.ค. 2567
เซฟไทย.com การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA ให้ข้อมูล อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำค่าไฟฟ้าแพงขึ้น งานนี้หลายคนมองข้ามมาตลอด
เพจเฟซบุ๊ก เซฟไทย.com ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ไขข้อข้องใจโดยระบุว่า สำหรับใครที่คิดว่าภาวะโลกร้อนยังอยู่ไกลตัว เพราะร้อนยังไงก็มีแอร์ให้พึ่งเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงตาม นั่นเพราะ เมื่ออากาศร้อนขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ทำงานหนักขึ้น จึงกินไฟมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นตามไปด้วย
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ทุกวันนี้เราแทบจะอยู่นอกห้องแอร์ไม่ไหว ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนัก มีการศึกษาพบว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิภายนอก องศาฯ ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศใช้พลังงานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า %
อธิบายเหตุผลให้เข้าใจง่าย ๆ ด้วยหลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วย ส่วนหลัก ได้แก่ คอยล์เย็น ซึ่งเป็นตัวทำความเย็นที่อยู่ภายในอาคาร คอยล์ร้อนคือตัวระบายความร้อน และคอมเพรสเซอร์ที่ตั้งอยู่ด้านนอก ทำหน้าที่ดูดและอัดสารทำความเย็นให้หมุนเวียนในระบบ
ฟังก์ชันของคอมเพรสเซอร์ ทำให้เกิดความเย็นด้วยแรงดัน นั่นหมายความว่า อุณหภูมิของคอมเพรสเซอร์จะต้องสูงกว่าอากาศด้านนอก เพื่อถ่ายเทความร้อนออกไปได้ ดังนั้น จะใช้ไฟมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิรอบ ๆ คอมเพรสเซอร์ด้วย เช่น ถ้าอุณหภูมิด้านนอกสูง คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นในการอัดความดันให้สูงขึ้นเพื่อจะเอาความร้อนออกไป
จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมหน้าร้อน ค่าไฟจึงสูงขึ้น แม้พฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศจะเหมือนเดิม เปิดปิดในเวลาเดิมก็ตาม
รู้อย่างนี้แล้ว จะช่วยเครื่องปรับอากาศได้ยังไง ?
อย่าวางสิ่งของหรือปลูกต้นไม้ที่กีดขวางการไหลเวียนของอากาศบริเวณคอมเพรสเซอร์ เพราะหากพื้นที่ในการระบายความร้อนน้อยลง เครื่องปรับอากาศต้องใช้ความดันเยอะขึ้น การใช้ไฟฟ้าก็พุ่งตาม
ล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน และเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26-27 องศาฯ พร้อมทั้งเปิดพัดลมควบคู่ไปด้วย
แผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปสะสมในคอยน์เย็น ควรหมั่นล้างเป็นประจำทุกเดือน จะช่วยเรื่องการหมุนเวียนของอากาศได้ดีขึ้น
ไม่ควรนำสิ่งที่จะเพิ่มความร้อนและความชื้นในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เช่น งดการใช้กระทะไฟฟ้าทำอาหาร เลี่ยงการวางกระถางต้นไม้ การรีดผ้า ฯลฯ ที่จะก่อให้เกิดไอน้ำและความชื้น ซึ่งทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก