- 18 พ.ค. 2567
หนุ่มเตือนอุทาหรณ์ เดินอยู่ริมถนนจู่ๆชายแปลกหน้าเดินเข้ามาชกหน้าจนปากแตก แจ้งตำรวจยิ่งผิดหวัง ความซวยมันไม่เลือกเวลาและสถานที่
อุทาหรณ์ หนุ่มโพสต์เตือนภัย เดินอยู่ริมถนน จู่ๆชายแปลกหน้าปรี่เข้ามาชกหน้าเลือดกบปาก ต่อมาไทยนิวส์ออนไลน์ได้พูดคุยกับคุณปาม ผู้เสียหายผ่านทางโทรศัพท์ เผยว่าหมดหวังว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้เพราะไม่ได้รับความมั่นใจอะไรเลย และได้เล่าเรื่องราวตามโพสต์ ระบุ "โพสต์นี้อยากจะโพสต์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับทุกคนที่เดินทางเท้าอยู่ในประเทศแห่งนี้
เหตุเกิดเวลา 20.01 วันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ค. 2024 ที่ปั๊มข้างคอนโดผมเอง ขณะที่ผมกำลังเดินไปซื้อผักเพื่อทำกับข้าวหลังเลิกงาน มีชายหนุ่มอายุราวๆ 20-40 ปีเดินสวนผมมาและเข้ามาทำการชกหน้าผมเต็มแรงจนผมล้มลงไปกองกับพื้น เขาหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นผมสับสนมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เพราะก่อนเกิดเหตุผมเดินไม่ได้มองใครเลยก้มมองพื้นเป็นส่วนใหญ่เลยไม่ได้สังเกตว่าจะมีคนเข้ามาทำร้ายเนื่องจากคิดว่าสถานที่กับเวลานี้ปลอดภัยดี
หลังจากที่โดนชกผมเลือดกบปากและเลือดขึ้นหน้าและมีความคิดจะไปเอาคืนเพราะคนร้ายไม่ได้วิ่งหนีแต่อย่างใด แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเขาอาจจะพกอาวุธถึงกล้ามาชกคนซึ่งๆหน้าขนาดนี้ในเวลาที่คนพลุกพล่านและแสงไฟสว่างมากๆ ผมเลยตัดสินใจเดินไปหาพี่สาวที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เห็นผมโดนชกซึ่งเป็นคนที่คอนโดผมพอดี และทำการเดินไปแจ้ง รปภ. คอนโดเพื่อตามตัวคนร้าย แต่ก็ไม่ทันแล้วคาดว่าเข้าไปหลบในซอยเพชรเกษม 58 หรือไม่ก็ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ต้องขอขอบคุณพี่สาวคนนั้นที่ช่วยเหลือผมครับ หลังจากเกิดเหตุการณ์ผมได้โทรไป 191 แล้วได้รับแจ้งว่าให้เอาใบตรวจร่างกายก่อนไปแจ้งความที่ สน.
ก่อนไป รพ. ผมได้ไปเช็คกล้องวงจรปิดของทางคอนโดและปั๊มน้ำมัน ซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและก็ได้คลิปที่ผมแปะไว้ในโพสต์ที่ได้จากปั๊ม ซึ่งเห็นเหตุการณ์ชัดเจนมาก แต่พี่ที่ปั๊มบอกว่าทางตำรวจจะมีกล้องทางเท้าที่เห็นชัดกว่านี้ ผมเลยอุ่นใจขึ้นมาว่าคงจับคนร้ายได้ไม่ยาก
หลังจากนั้นผมรีบไปตรวจร่างกายและทำแผลโดยการเย็บแผลฉีกที่ปากและตรวจเอ็กซเรย์ใบหน้า ต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ รพ. มิตรประชา ที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เนื่องจากเลือดไหลออกปากไม่หยุด ขอบคุณทีมแพทย์ พญาไท 3 ที่เช็คอาการให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และสุดท้ายขอบคุณทีมแพทย์เกษมราษฎร์บางแค ที่เย็บแผลให้และดูแลอาการอย่างดีแม้ว่าจะใช้สิทธิ์ประกันสังคมก็ตาม
หลังจากที่ไป รพ. เสร็จแล้วผมก็รีบไปที่ สน. ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อไปแจ้งความเวลา 23.30 นาฬิกา ผมได้ทำการลงบันทึกประจำวันกับ รตอ. ท่านหนึ่ง ซึ่งให้ความร่วมมืออย่างดีมากต้องขอบคุณมากครับ จนถึงขั้นตอนที่จะเอาใบบันทึกประจำวันไปให้พนักงานสืบสวนดู เพื่อจะได้เปิดกล้องวงจรปิด
ก่อนจะเข้าเรื่องผมรู้สึกผิดหวังและหดหู่มากกับพนักงานฝ่ายสืบสวนที่ผมได้พูดคุยด้วย และทำให้ผมไม่คิดว่าตำรวจจะจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้
ผมจะอธิบายสิ่งที่ผมได้พูดคุยกับพนักงานสืบสวนเป็นข้อๆ
1. พนักงานสืบสวนเปิดกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุดูและเห็นชัดว่าคนร้ายทำการพูดคุยกับ รปภ.ท่านหนึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุ ผมจึงสอบถามว่าเราควรไปสอบถาม รปภ. ท่านนี้ย ตำรวจกลับพูดกับผมว่า มันแค่เดินไปขอบุหรี่แล้วเขาไม่ให้ไม่รู้จักกันหรอก อย่าไปยุ่งกับเขาเลย
2. คนร้ายแต่งตัวดีเสื้อสีขาว กางเกงสีแดง ใส่รองเท้าผ้าใบ แต่ตำรวจกลับบอกผมว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนบ้า ถึงจับไปแล้วเจอบัตรคนบ้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
3. ตำรวจโทษผมว่าทำไมผมไม่ต่อยกลับไปเลย เป็นตำรวจตำรวจต่อยกลับไปแล้วแล้วลากตัวมันมาเลย ผมคิดในใจว่าถ้าคนร้ายมีอาวุธจะทำอย่างไร และมันเป็นหน้าที่ผมหรอที่ต้องทำตัวแย่ๆกลับ ทำไมกระบวนการยุติธรรมถึงไม่จัดการเรื่องนี้ แล้วจะมีตำรวจไปทำไมถ้าให้เหยื่อจัดการคนร้ายเอง
4. ตำรวจโทษผมว่าทำไมไม่โทร 191 แล้วแจ้งสายตรวจให้ไปจับเดี๋ยวนั้นเลย เพราะจับตอนนี้ไม่ทันแล้วมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ยืนยันตัวตนไม่ได้ ผมจะแน่ใจได้อย่างไร แล้วถามผมว่า คุณรู้จักเขาหรอ แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าเขาเป็นใครถ้าจับผิดเขาฟ้องดำเนินคดีขึ้นมาทำอย่างไร ซึ่งผมได้โทรไปแจ้งแล้วแต่ตำรวจในสายเป็นคนบอกให้ผมไป รพ. ก่อนไปแจ้งความที่ สน. ซึ่งแนะนำไม่ตรงกัน
5. กล้องของทางตำรวจเห็นคนร้ายชัดเจนมากทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ แถมคนร้ายยังเดินป้วนเปี้ยนบริเวณที่เกิดเหตุช่วงประมาณสี่ทุ่มอีกด้วยซ้ำ ในกล้องนั้นสามารถรู้ว่าคนร้ายเดินไปที่ไหนและเห็นหน้าหลังชัดมาก แต่ตำรวจกลับบอกว่าจับไม่ได้หรอก มันแค่คนบ้า และก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใครเพราะไม่รู้ชื่ออยู่ดี พร้อมบอกให้ผมไปเอาใบชันสูตรมาว่าโดนทำร้ายร่างกายจริงถึงจะตรวจสอบจากกล้องได้ ไม่งั้นดำเนินคดีไม่ได้ ทั้งๆที่ผมมีใบจากแพทย์ ใบนัดแพทย์และหลักฐานในกล้องว่าผมโดนต่อยจริง แถมบอกผมว่าให้ลงไปคุยกับ รตอ. เอง
6. หลังจากที่ผมได้ไปคุยกับ รตอ. แล้ว ท่านบอกว่าไม่เกี่ยวกันกับเอกสารทางการแพทย์ ฝ่ายสืบสวนก็ต้องทำงาน เอกสารทางการแพทย์มาทีหลังก็ได้ รตอ. จึงโทรไปหาฝ่ายสืบสวนด้วยตนเอง ฝ่ายสืบสวนจึงพูดผ่านโทรศัพท์ว่าเดี๋ยวจะรีบตรวจสอบให้ครับ ซึ่งต่างจากตอนที่ผมไปหาด้วยตนเองมาก
ก่อนผมกลับ รตอ. บอกผมว่าถ้าได้เรื่องแล้วจะติดต่อกลับ แต่ในใจผมรู้สึกว่าหมดหวังมากๆกับตำรวจฝ่ายสืบสวนที่นี่ และรู้สึกว่า รปภ. คอนโดกับ พนักงานที่ปั๊มยังให้ความร่วมมือดีกว่าเลยถ้าพูดกันตรงๆ
สุดท้ายนี้หวังว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้เพราะหลักฐานในมือครบและพยานในที่เกิดเหตุเพียบ หวังว่าผมจะคิดผิดเกี่ยวกับฝ่ายสืบสวนที่ผมเล่ามาข้างต้น และหวังว่าการทำงานของตำรวจควรจะเป็นการช่วยเหลือดูแลเหยื่อไม่ใช่การโทษเหยื่อ อย่างที่ผมเผชิญ ผมได้แต่คิดในใจว่าผมผิดเหรอที่อยู่ดีดีมาโดนชกหน้าโดยที่ไม่ได้ทำไรให้ใครมาก่อน
ปล. หวังว่าโพสต์นี้จะให้อะไรกับเพื่อนๆและทำให้เพื่อนๆระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ และความซวยมันไม่เลือกเวลาและสถานที่
และสุดท้ายจริงๆ อยากขอบคุณครอบครัว เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ที่เป็นห่วงตลอดเวลาหลังเกิดเหตุ และได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกด้าน รวมถึงการจับคนร้ายด้วย
และ อยากบอกว่าที่นี่ประเทศไทย ดูแลตัวเองให้ได้นะครับเพราะคนที่ควรดูแลและปกป้องเราจากภาษีที่เราจ่ายเขาอาจจะไม่ได้อยากดูแลเราอย่างที่คุณคิด
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการใช้ชีวิตครับ"
ขอบคุณ Piyanggoon Pavachansatit