- 18 พ.ค. 2567
ตำรวจไซเบอร์รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์สุดโหดพร้อมสมุนสองรายบังคับทำยอดสัปดาห์ละ 20 ล้าน ฟันรายได้กว่าพันล้านต่อปี
วันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ บช.สอท. อาคารสัมมนาและฝึกอบรม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการรวบหัวหน้าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์สุดโหดพร้อมสมุน 12 รายบังคับทำยอดวิกละ 20,000,000 ฟันรายได้นับพันล้านต่อปี
จากกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาหลังทราบว่ามีคนไทยถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมืองโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และได้มีการติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในกัมพูชาและสามารถช่วยเหลือออกมาได้จำนวน 4 คน ซึ่งต่อมาทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 บช บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบข้อมูลบุคคลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองโอเสม็ดกล่าว จนสามารถขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับได้จำนวน 15 ราย ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งสิ้น 12 ราย โดยผู้ต้องหาอีกสามรายพบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติไปก่อน
โดยเจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานสำคัญของนายปฏิภาณ หรือ ‘อาฉิ่ง’ โดยเป็นหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก เช่น ข้อมูลของเหยื่อกว่า 12,000 ราย ข้อมูลบทพูดหลอกลวงผู้เสียหาย ข้อมูลการแก้ปัญหากรณีเหยื่อสอบถามกลับ ข้อมูลคลิปวิดีโอของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ทำการตัดต่อเสียงแล้ว รวมถึงข้อมูลบัตรข้าราชการตำรวจปลอม เป็นต้น
จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทุกคนให้การยืนยันว่านายปฏิภาณ คือผู้ควบคุมสั่งการทั้งหมดโดยพักอาศัยในอาคารมีรั้วสูงรอบขอบชิด และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถออกไปไหนได้หากใครทำยอดไม่ได้ ทำผิดกฎหรือ พยายามหลบหนี นายปฏิภาณ จะบังคับไปยืนตากแดด 2-3 ชั่วโมงหรือทำร้ายร่างกายโดยการทุบตีและชอร์ตด้วยเครื่องชอร์ตไฟฟ้า โดยจะมีการบังคับให้ทำงานตั้งแต่เวลาประมาณ 08:00 น. จนถึง 18:00 น. โดยไม่มีวันหยุดพัก โดยในเวลางานจะอนุญาตให้ดื่มแค่น้ำเปล่าห้ามใช้โทรศัพท์และห้ามคุยกันข้ามสาย โดยนายปฏิภาณยังเป็นผู้เรียบเรียงบทพูดในการหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเจ้าตัวสามารถพูดได้ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน
ทั้งนี้ทุกคนยอมรับว่าได้ทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กลุ่มดังกล่าวในประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2565 ถึงกลางปี 2566 โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและข้าราชการเกษียณอายุ โดยในการทำงานนั้นหัวหน้าหัวหน้าแก๊งค์จะสั่งให้คัดลอกและท่องบทพูดจนคล่องและนั่งประกบรุ่นพี่จนสามารถทำงานได้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องล็อคเหยื่อให้โอนเงินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 20 ล้านบาท ทำให้แก๊งค์ดังกล่าวมีรายได้หมุนเวียนนับพันล้านบาทต่อปี
ผู้ต้องหาย้ายข้อมูลเพิ่มเติมว่าหากทีมไหน ทำยอดถึงเป้าจะได้หยุดหนึ่งวันหากทีมไหนยอดไม่ถึงเป้าก็จะไม่มีวันหยุดพักโดยช่วงเวลา 18:00 น. ของทุกวันจะประกาศประกาศผลการทำยอดของแต่ละคนซึ่งหากใครทำยอดได้เยอะจะได้รับเสียงปรบมือจากทุกคนและได้รับรางวัลเงินพิเศษในที่ประชุมและในส่วนเงินตอบแทนจะได้รับตามเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่หลอกได้คือสายหนึ่งได้ 6% สายสองได้ 5% และสายสามได้ 5% หากคนเดียวสามารถทำงานได้ทั้งสายหนึ่งสายสองก็จะได้รับผลตอบแทนรวมกันถึง 11%