- 04 มิ.ย. 2567
เปิดใจ รปภ. ช้ำรักม่ายสาว เจอกันในแอปหาคู่ ตกลงจะสร้างครอบครัว แต่ไม่มีเงินก้อนไปขอ เลยผ่อนสินสอดให้ฝ่ายหญิงเก็บวันละ 300 ทุกวัน เวลาเดือนเศษ เสียเงินไป 1 หมื่นกว่าบาท ได้แต่วิดีโอคอล สุดท้ายโดนเท
รปภ. หนุ่มช้ำรัก ชาวโซเซียลแห่เห็นใจ ผ่อนสินสอดวันละ 300 ให้สาว สุดท้ายโดนเท
เรื่องราวจากเพจ ซูมระยอง ออกมาโพสต์เปิดประเด็นเรื่องราวของ รปภ.ท่านหนึ่งที่ไปหลงรักสาวจังหวะระยองผ่านทางโลกออนไลน์ จนมีการตกลงปลงใจจะสร้างครอบครัวด้วยการผ่อนเงินค่าสินสอดรายวัน วันละ 300 บาท สุดท้ายถูกฝ่ายหญิงตีจาก ตัวจริงไม่เคยเห็น แขนไม่เคยจับ ช้ำรักยอมเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว
ซึ่ง รปภ.ท่านนี้ ซึ่งทำงานอยู่ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าตัวยอมเปิดใจเล่าเรื่องราวให้กับทีมข่าวเราฟังแบบหมดเปลือก พร้อมเปิดแชตและสลิปการโอนเงินให้กับทางทีมข่าวเราดู
นายเชษฐ์ อายุ 47 ปี เล่าว่า ตนเองเป็นคนบ้านเกิดมาจากจังหวัดพะเยา เป็นพ่อหม้ายลูกติด แต่ด้วยความที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงตัดสินใจเดินทางมาสมัครงานเป็น รปภ.ที่สมุทรปราการ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ช่วงแรกก็ทำงานตามปกติ ได้ค่าแรงวันละประมาณ 500 บาท เงินที่ได้มาก็แบ่งไว้ใช้จ่ายใช้กินทั่วไป อีกส่วนก็คอยส่งเงินกลับไปให้แม่ตนเองและลูกที่ทางบ้าน ทำแบบนี้มาตลอดสองเดือนกว่าที่มาทำงานที่สมุทรปราการ
จนมาต้นเดือนมีนาคม ตนเองเล่นแอปฯ หาคู่ แล้วไปเจอกับหญิงรายหนึ่ง อายุ 43 ปี บอกว่าเป็นแม่หม้ายลูกติดเหมือนกัน จึงได้พูดคุยทักทายจีบกันเลื่อยมา ผ่านมาเกือบเดือนหลังจากที่พูดคุยกัน ฝ่ายหญิงเอ่ยปากบอกว่าอยากให้ตนเองไปช่วยทำสวนทำไร่พวกทุเรียนที่บ้าน ไปสร้างครอบครัวด้วยกัน จากนั้นฝ่ายหญิงบอกว่าได้พูดคุยกับทางคุณแม่ของฝ่ายหญิงแล้ว
ซึ่งคุณแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าต้องไปทำพิธีสู่ขอตามขนบธรรมเนียมโบราณ โดยเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 59,999 บาท ตนเองจึงบอกว่าตัวเองไม่มีเงินก้อน ฝ่ายหญิงจึงเอ่ยปากบอกกับตนเองว่า ให้ตนเองเก็บเงินสะสมไว้ได้เท่าไหร่จนถึงสิ้นเดือนเมษายน ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นและฝ่ายหญิงจะเติมให้ครบตามยอดค่าสินสอดที่บอกไว้
และไม่ต้องไปบอกแม่ฝ่ายหญิง ว่าตัวฝ่ายหญิงเอาเงินมาสมทบค่าสินสอดด้วย เพราะกลัวว่าแม่ฝ่ายหญิงจะไม่สบายใจ หรือยกลูกสาวให้ ตอนแรกตนเองตั้งใจจะโอนเงินก้อนแรกจากค่าแรงที่ทำงานได้ เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท แต่โอนไม่ได้
จึงตัดสินใจไปคุยกับทางบริษัทที่ทำงานของตนเอง ขอรับเงินเดือนจากรายเดือนเป็นรายวัน เพื่อนำเงินที่ได้จากค่าแรงมา ส่งไปให้ฝ่ายหญิง วันละ 300 บาท หวังเป็นเงินเก็บสะสมไว้ค่าสินสอด ซึ่งทางบริษัทก็เข้าใจและจ่ายค่าแรงให้เป็นรายวัน จากนั้นตนเองจึงมาบอกกับฝ่ายหญิงว่าจะส่งเงินให้เก็บสะสมไว้ และจะส่งให้ทุกวัน
ซึ่งฝ่ายหญิงก็ตกลงและยังบอกอีกว่าเงินที่ส่งมารายวันนี้จะไม่เอาไปใช้จ่ายอะไร แต่จะเก็บรวมไว้ให้เป็นค่าสินสอด ตนเองก็เริ่มโอนให้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โอนให้วันละ 300 บาทไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่วันเดียว
แรก ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมฝ่ายหญิงยังแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการติดต่อวิดีโอคอลหากันมาตลอด ให้เห็นหน้าพูดคุยเห็นบ้านเห็นสวนทุเรียนที่บอกว่าจะให้ไปช่วยทำสวนทำไร่ จนตนเองมั่นใจว่าใช่แน่แล้วผู้หญิงคนนี้คือคนที่จะสร้างครอบครัว
ถึงขั้นยอมบอกแม่และลูกของตัวเองว่า ช่วงนี้ของดส่งเงินให้แม่กับลูกก่อน ส่งบ้างแต่อาจไม่เท่าเดิม เพราะจะขอเอาเงินค่าแรงส่วนนี้เก็บสะสมไปขอฝ่ายหญิง แล้วจะพาแม่และลูกไปอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงที่ระยองตามที่ตกลงกับฝ่ายหญิงไว้ ซึ่งทางแม่และลูกก็ไม่ได้ติดขัดอะไร จากเงินค่าแรงที่คอยมาให้แม่ ก็มาส่งให้ฝ่ายหญิงรายวันวันละ 300 บาท
เงินที่เหลือก็ไว้ใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่รายวัน บางวันยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อเอาเงินตรงนี้ส่งให้ฝ่ายหญิงที่อ้างว่าจะเก็บไว้เป็นเงินก้อน ยอมรับว่าตนเองเริ่มมีหวังที่จะสร้างครอบครัว และมั่นใจฝ่ายหญิง เพราะเขาทำให้เห็นทุกอย่างว่าทำอะไรอยู่ไหนอยู่กับใคร และวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน
จนมาช่วงหลังใกล้สิ้นเดือนเมษาฝ่ายหญิงเริ่มหาเรื่องชวนทะเลาะมากขึ้น โดยอ้างว่าตนเองจุกจิกจู้จี้ เขาไม่ชอบคนจุกจิกจู้จี้ หรือโทรจิก ซึ่งการโทรจิกของตนนั้นคือทักหาไม่ตอบ การพูดคุยไม่เหมือนเดิม โทรหาเพราะห่วงฝ่ายหญิง จนเรื่องเริ่มบานปลายขึ้นและฝ่ายหญิงไม่ตอบกลับโทรไม่รับสาย
ตนเองเริ่มท้อในความรัก พอสอบถามความจริงก็ไม่ได้รับคำตอบ จนต้องขอเงินที่ส่งรายวันวันละ 300 คืน ซึ่งรวมทั้งหมดระยะเวลาเดือนกว่ารวมก็หมื่นกว่าบาท แต่ฝ่ายหญิงตอนแรกบอกจะคือให้ต้นเดือนที่ผ่านมา พอถึงวันก็บ่ายเบี่ยงขอเลื่อนมาต้นเดือนนี้ และพอถึงวันก็เงียบหายโทรก็ไม่รับไม่ติดต่อกลับ
ตนเองยอมรับว่าเสียความรู้สึกมากยอมทุกอย่างเพื่อหวังสร้างครอบครัว แต่มาถูกตัดความสัมพันธ์แบบนี้ ตอนนี้อยากได้เงินที่ส่งไปทั้งหมดคืน เพื่อเอาเงินนั้นไปให้แม่และลูกของตนเอง
เมื่อถามว่ายังมีใจกับฝ่ายหญิงอีกหรือไม่ ตนขอบอกเลยว่าหมดใจแล้วไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกที่ดีที่เคยมีให้ไป การที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อครั้งนี้ไม่ใช่ตนเองจะอยากออกมาแฉอะไร แต่ที่ผ่านมาไม่ออกมาคุยไม่รับสายเอง ซึ่งหากพูดคุยกันตกลงกันดีๆ และต้องการจบกันด้วยดี ตนเองก็ยอมและไม่ใจร้ายไส้ระกํากับฝ่ายหญิงแน่