- 25 มิ.ย. 2567
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางเข้ามาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มเชื่อมจิต และ ทนายคนดัง
วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวยกลาง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ได้เดินทางเข้ามาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มเชื่อมจิตเพิ่มเติม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มประกอบดเวย 1.เด็กเชื่อมจิต 2.กลุ่มแอดมิน จำนวน 60 คน และ 3.ทนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของกลุ่มเชื่อมจิต
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สำหรับวันนี้ที่ตนเดินทางมาเพราะต้องการแจ้งความเอาผิดกับเด็กเชื่อมจิต , ทนายธรรมราชและแอดมิน 60 คน โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครแจ้ง แต่เมื่อวานนี้ทางเด็ก เชื่อมจิตได้มีการไลฟ์สดเปิดหน้า และได้มีการขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีและให้พวกเราติดคุก ในวันนี้ตนจึงนำหลักฐานต่างๆ มาเอาผิดทางกลุ่มเชื่อมจิตรวมทั้งสิ้น 6 ข้อหา คือ ตามพ.ร.บ.คอมฯ / ประมวลกฎหมายอาญา ม.341,343,83,84,86,90,91 / พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน / พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร มาตรา 5 และมาตรา 8 / พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน มาตรา 13 / และประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 40 (8), 37 ทวิ / เอาผิดเด็กเชื่อมจิต ทั้งหมด 19 กรรม
”ทั้งนี้แม้กฎหมายระบุว่าเด็กกระทำผิดไม่ต้องรับโทษ แต่หากมีการตรวจสอบและพบว่าพ่อแม่ของเด็กกระทำผิด ก็จะต้องมีหน่วยงานเข้ามาควบคุมและแยกตัวของผู้ปกครองออกจากเด็ก โดยจะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ พม.“
โดยเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการแจ้งความเอาผิด 4 สื่อ (โหนกระแส , เปิดปากกับภาคภูมิ , เคลียร์ชัดชัด ,คนดังนั่งเคลียร์) มีเพียงแอดมินสาวคนเดียวที่ลงชื่อแจ้งความ โดยไม่มีชื่อคนอื่นๆปรากฏ เชื่อว่าเป็นการแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ดำเนินคดีเพราะขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ด้าน นายแทน กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นที่ ทนายธรรมราชออกมาเรี่ยไรเงินจากประชาชน ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เพื่อเอาเงินส่วนนั้นมาสู้คดีกับพวกตน ตน ตนมองว่ามันขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี โดยวันนี้ก็ได้นำหลักฐานส่วนนี้มาแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) โดยมีหลักฐานชัดเจนที่น่าเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งไม่สามารถอ้างได้ว่ามีการปลอมขึ้น เนื่องจากยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และในคอมเมนต์ใต้โพสต์เรี่ยไรเงิน ยังมีการระบุสลิปโอนเงินจากผู้บริจาค เป็นเงินจำนวน 0.99 บาท บ้าง 2 บาทบ้าง และสูงถึง 500 บาท ถึงบางยอดจะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ผิด พ.ร.บ.เรี่ยไร / และยังมีหลักฐานการเสียภาษีของบริษัท สำนักงานกฎหมายและทนายความ ของทนายธรรมราช โดยตั้งแต่เป็นทนายมายังไม่มีการเสียภาษีเลย จึงนำหลักฐานส่วนนี้มาให้ทาง ปอศ.ตรวจสอบ
ทางด้าน นางชลิดา หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” กล่าวว่า ตนเคยร้องเรียนให้สอบมรรยาททนายความ ของทนายธรรมราช ว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ โดยร้องเรียนไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. 66 แต่เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าและแม่เด็ก 8 ขวบเคยพูดว่า "บอกว่ารักน้องทำไมทำกับน้องแบบนี้" จะบอกว่า เราสงสาร สงสารที่พ่อแม่ที่บอกว่ารักน้องทำกับน้องแบบนี้ ควรจะรักลูกให้ถูกทาง ตอนนี้พวกคุณกำลังทำร้ายเด็กคนนึงอยู่ และน้องมีอาการหนักขึ้นทุกวัน เราแค่อยากช่วยเด็กคนนึง ไม่มีวันสุประสงค์ทำร้ายเด็กเลย "เราไม่ได้รัก เราแค่สงสาร เท่านั้นเอง"
ทนายอนันตชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้ต้องขอบคุณ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่กำลังดูเรื่องนี้อยู่ ท่านได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ตอนนี้ฝากความหวังไว้ที่ (บก.ปอท.) ในเรื่องของคดี จากใจคนเป็นพ่อที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ควรปรึกษายุวประสาทซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางให้ช่วยรักษาเด็ก และตัวแม่เองถ้ายอมมาสารภาพต่อสังคม ตนจะยอมถอนแจ้งความให้ในส่วนตนเอง เพื่อตัวของเด็กเอง และต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เพราะสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง