- 03 ก.ค. 2567
เปิดประวัติ "พระพุทธเจ้าน้อย" บุดด้าบอย ราม บาฮาร์ดู บอมจัน คยไทย และ เนปลา เคยแห่กราบไหว้ สุดท้าย เจอติดคุกหัวโต
"พระพุทธเจ้าน้อย" ที่คนไทยเคยนับถือ และกราบไหว้ สุดท้ายเกมติดคุกหัวโต เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังจำกันได้ ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้ยกเรื่องราวของหนุ่มรายนี้อย่างละเอียด ระบุว่า
สรุปประวัติบุดด้าบอย อดีตคนที่คนไทยและเนปาลเคยกราบไหว้ เพราะเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด (ท่านนิพพานไปแล้วจะกลับมาเกิดใหม่อะไรเล่าปั๊ดโธ่)
ราม บาฮาร์ดู บอมจัน เกิดปี 1990 ในครอบครัวชาวเนปาลที่นับถือพุทธศาสนา
เขาเข้าเรียนประถมที่โรงเรียนใกล้บ้าน จากนั้นเข้าศึกษาพุทธศาสนา ซึ่งอาจารย์ที่สอนศาสนาได้พาเขาไปแสวงบุญที่ลุมพีนีวัน ปี 2003 ระหว่างแสวงธรรมเกิดป่วยหนัก จึงต้องกลับบ้านช่วงปี 2005 ซึ่งตำนานของเขาจะเริ่มต้นหลังจากนี้
หลังจากกลับมาบ้านเพราะป่วยระหว่างแสวงบุญ เขาก็เข้าป่าไปนั่งสมาธิ โดยนั่งสมาธิเป็นเวลานานมากๆ จนมีเสียงเล่าลือกันว่า เขานั่งวิปัสสนาอยู่ตรงนั้น ไม่ดื่ม ไม่กิน ไม่ขยับใดๆ นานถึงสิบเดือน
ผู้คนได้ยินคำเล่าลือก็พากันมาพิสูจน์ด้วยตา และพากันเล่าขานว่าเขาคือพระพุทธเจ้าที่กลับชาติมาเกิด ซึ่งข่าวลือนี่ก็ไปถึงหูเจ้าตัว และเขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่พระพุทธเจ้า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เขายังอยู่แค่ในขั้นรินโปเชเท่านั้น (เป็นคำที่ใช้ยกย่องเกจิอาวุโสหรือพระผู้อวตารมาเกิดตามความเชื่อของทิเบต)
ประกอบกับมีการถ่ายคลิปตอนเขากำลังนั่งสมาธิ แล้วมีไฟจุดตรงอาสนะ แต่เจ้าตัวไม่เป็นอะไร ยังนั่งสมาธิกลางกองเพลิงต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำให้คนยิ่งศรัทธา กราบไหว้และฟังธรรมะเทศนาจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงพีคสุดนี่มีคนมาฟังเทศนาพร้อมกันถึง สามพันคน และตัวเลขรวมๆของญาติโยมที่ศรัทธาและมากราบไหว้เขา รวมๆน่าจะถึง สี่แสนคน โดยสานุศิษย์หลักๆจะมีทั้งชาวอินเดีย เนปาล และคนไทย
พอคนมากันเยอะ เม็ดเงินก็ตามมา หมู่บ้านในละแวก ได้ประโยชน์จากการที่ผู้คนมาฟังเทศนากันเยอะ ก็ปักหลักเปิดร้านน้ำชา ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก ไว้บริการญาติโยมที่มาหาเขา มีการตั้งวิหารอารามกันเป็นกิจจะลักษณะ
แต่จุดเปลี่ยนคือช่วงปี 2011 ซึ่ง ราม ซึ่งเดิมเคยบอกว่าตนไม่ใช่พระพุทธเจ้า แค่นั่งสมาธิแสวงธรรมอย่างเดียว ก็เริ่มเปลี่ยนแนวทางไป โดยเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาดัดแปลง และตั้งนิกายใหม่ สุดท้ายก็เปลี่ยนจากที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มาเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย และเทพอีก7องค์แทน อีกทั้งยังป่าวประกาศว่า เขานี่แหละคือพระศรีอาริยเมตไตรยองค์ต่อไป
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าน้อยกับสานุศิษย์ก็รีโนเวทสำนักเสียใหม่ ให้สานุศิษย์เลิกนุ่งจีวร หันมานุ่งจีวรฟ้าแทน และตั้งรูปเคารพของเขาให้ผู้คนกราบไหว้แทนรูปเคารพของพระพุทธเจ้า
จากนั้นเหล่าสานุศิษย์ก็พากันออกไปแพร่ความเชื่อไปทั่วประเทศ ว่าพระพุทธเจ้าน้อยองค์นี้นี่แหละ ที่จะเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ที่จะพาพุทธศาสนาไปสุ่ความยิ่งใหญ่ในรอบ 2500 ปี มีการตีพิมพ์บทความชวนเชื่อเผยแพร่ไปทั่ว คนก็ยิ่งแห่กันมาแบบมืดฟ้ามัวดิน
ซึ่งพระพุทธเจ้าน้อย จนถึงตอนนี้ก็ยังคงรักษากิมมิค นั่งสมาธินานๆแบบไม่ดื่มไม่กินเช่นเดิม แต่ก็มีคนกังขาเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องจริงเหรอ และอยากพิสูจน์ด้วยการขอตรวจเลือดหน่อย ปรากฏว่าเหล่าสานุศิษย์ออกมาขวางไม่ให้พิสูจน์ อ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพระพุทธเจ้าน้อย พิสูจน์ไม่ได้ เชื่อได้ สาธุได้อย่างเดียว สาธุ
แต่ก็มีทีมงานสารคดีจาก ตปท แอบไปถ่ายจนเจอฉากที่พระพุทธเจ้าน้อยแอบงีบหลับ และแอบกินข้าวระหว่างนั่งสมาธิ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สานุศิษย์ที่ศรัทธาตาสว่างขึ้นมาได้
และหลังๆก็ยิ่งหนักขึ้น เมื่อสานุศิษย์และเจ้าตัวเอง เริ่มเคลมว่าเจ้าตัวคือเทพสูงสุด ซึ่งสูงส่งยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก (ไปกันใหญ่ละเว้ย) และอ้างว่าพระพุทธเจ้าน้อยตรัสรู้ธรรมขั้นสูงกว่าพระพุทธเจ้า ดังนั้นมากราบไหว้พระพุทธเจ้าน้อยแทนกันดีกว่า ว่าซั่น
จะเห็นได้ว่าเป็น pattern ที่พบบ่อยของอลัชชี ประมาณว่า แรกๆมาเกาะศาสนาที่มีคนนับถือก่อน แล้วค่อยๆเนียน เปลี่ยนแปลงเนื้อหาคำสอนทีลำน้อย สุดท้ายก็ยกตนเป็นอวตารของศาสดา หรือยกตนว่าเหนือกว่าแล้วให้คนกราบไหว้ตนแทน
ต่อมาเรื่องราวอื้อฉาวของพระพุทธเจ้าน้อย ก็ตามมาเป็นหางว่าว
เริ่มจาก ชาวบ้านในละแวกนั้น 17 คน มาแจ้งตำรวจว่า ถูกพระพุทธเจ้าน้อยทำร้ายด้วยด้ามขวาน ชาวบ้านบอกว่าเขาก็แค่ไปหาผักมาทำกับข้าว แต่บังเอิญเข้าไปในพื้นที่ที่พระพุทธเจ้าน้อยกำลังนั่งสมาธิ พระพุทธเจ้าน้อยเลยฉุนขาด หาว่าชาวบ้านมารบกวนการนั่งสมาธิของตนเลยกระทืบแม่งด้วยเมตตา ตำรวจออกหมายเรียกพระพุทธเจ้าน้อยมาให้ปากคำ
พระพุทธเจ้าน้อยไม่มา อ้างว่า อาตมาคือผู้บรรลุธรรม ผู้บรรลุธรรมบ้านไหนขึ้นศาลล่ะโยม แล้วที่อาตมากระทืบชาวบ้านนั่น เรียกว่าทัณฑ์สวรรค์
ฝั่งสาวกของพระพุทธเจ้าน้อยก็ออกบทความโจมตีชาวบ้านว่าชาวบ้านไปรบกวนพระพุทธเจ้าน้อยนั่งสมาธิเองนี่หว่า เจอแค่นี้นับว่าท่านเมตตาแล้ว ซึ่งชาวบ้านก็โต้แย้งว่าแต่พระพุทธเจ้าน้อยของมึงนี่ตบชาวบ้านจนสมองกระทบกระเทือนเข้า รพ เลยนะเว้ย สาวกก็เถียงแทนว่า ท่านแค่ใช้มือตบเบาๆสองสามทีแต่ที่ชาวบ้านอาการหนักเพราะพลังเทพโว้ย
ซึ่งหลังจากนั้นชาวบ้านก็พยายามดำเนินคดีกับทั้งพระพุทธเจ้าน้อยและสานุศิษย์ แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ต่อมาสองปี ก็มีเคสหญิงคนนึงที่ถูกสาวกของพระพุทธเจ้าน้อยบุกเข้าไปลักพาตัวออกมาจากโรงแรม จับไปผูกกับต้นไม้ แล้วเฆี่ยนตี โดยกล่าวหาว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นแม่มด และทำคุณไสยใส่พระพุทธเจ้าน้อยเพื่อรบกวนการทำสมาธิของท่าน สาวกทำร้ายเธอจนแขนหัก และถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา หลังจากนั้นเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดี เมื่อนักข่าวลงพื้นที่ไปทำข่าว ก็ถูกสาวกของพระพุทธเจ้าน้อยรุมทำร้ายเช่นกัน
เรื่องราวเริ่มน่ากลัวขึ้น เมื่อมีรายงานว่า มีชาวบ้านหลายคน อย่างน้อยสี่คน ชาย 2 หญิง 2 ที่ศรัทธาพระพุทธเจ้าน้อย และมาปฎิบัติธรรมที่นั่น แต่หายตัวอย่างปริศนา ไม่มีใครพบเห็นอีกเลยหลังจากนั้น ตำรวจสงสัยว่าทั้งสี่คนอาจจะเสียชีวิต ถูกฆาตกรรมหรือไม่ แต่คดีการสูญหายของทั้งสี่คนนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนอะไร
แต่เคสที่กลายเป็นคดีที่ทำให้พระพุทธเจ้าน้อยเกมส์ คือ สาวคนนึงซึ่งยังเป็นผู้เยาวอยู่ แล้วเธอศรัทธาพระพุทธเจ้าน้อยมาก จึงมาปฎิบัติธรรมที่นั่น เธอบอกว่า ถูกพระพุทธเจ้าน้อยข่มขืน และข่มขู่ไม่ให้เธอบอกเรื่องนี้กับใคร ซึ่งตำรวจได้เริ่มสอบสวนคดีนี้ในปี 2019 และออกหมายค้นเข้าตรวจสอบสำนักของพระพุทธเจ้าน้อยในปีต่อมา แต่ขณะบุกค้น พระพุทธเจ้าน้อยได้วาปหนีไปเรียบร้อยแล้ว
และในปีนั้นศาลได้ออกหมายจับพระพุทธเจ้าน้อย แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นพระพุทธเจ้าน้อยอีกเลย จนกระทั่งถูกจับขึ้นศาล และถูกตัดสินจำคุกสิบปี ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ นอกจากนี้ยังมีคดีอื่นๆที่อยู่ระหว่างการตัดสิน เช่นคดีที่มีการกล่าวหาว่าเขาไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตแบบปริศนาของสาวกคนอื่นๆอีกสี่คน