- 08 ก.ค. 2567
ตีแผ่ความจริงการทดลอง "วิญญาณ มีน้ำหนัก 21 กรัม" แชร์กันว่อน ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยืนยันแล้ว เชื่อได้หรือไม่
หลายคนคงเคยได้ยินการทดลองเรื่องน้ำหนักวิญญาณ ซึ่งมีผลการทดลองที่ถูกแชร์ส่งต่อกันมาหลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายสมัยว่า "วิญญาณมีน้ำหนัก 21 กรัม" ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ตีแผ่ความจริงเรื่องการทดลองนี้ ระบุ
เห็นคนแชร์เรื่อง "การทดลอง 21 กรัม The 21 grams experiment" ที่มีนายแพทย์คนหนึ่ง ตั้งสมมติฐานว่า "วิญญาณ" นั้นมีน้ำหนักและพยายามจะชั่งน้ำหนักของวิญญาณที่หลุดออกจากร่างผู้เสียชีวิต โดยพบว่ามีน้ำหนักหายไป 21.3 กรัม ซึ่งเรื่องนี้ ก็นับว่าตัวอย่างของ pseudoscience (วิทยาศาสตร์เทียม) ที่เก่ามากแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 (120 ปีก่อน) เพราะถึงแม้จะมีการวัดน้ำหนักที่เปลี่ยนไปของคนไข้ในจังหวะที่เสียชีวิต ไปถึง 6 คนก็จริง แต่มีแค่ "คนเดียว" ที่น้ำหนักลดลง 21 กรัมดังที่ว่า และก็ไม่ได้มีการทำการทดลองซ้ำ เพิ่มจำนวนตัวอย่างแต่อย่างไร วิธีการวัดก็ไม่ค่อยแม่นยำ จึงนับได้ว่า การทดลองนี้ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรในทางวิทยาศาสตร์ ! แต่กลับมีหลายคนก็สนใจและเชื่อตามกันว่าวิญญาณนั้นมีน้ำหนัก 21 กรัม !?
ขอเอาข้อมูลจากวิกิพีเดีย มาสรุปให้ฟังกันครับ
- ปี ค.ศ. 1901 นายแพทย์ Duncan MacDougall จากเมือง Haverhill รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา อยากจะทดลองทางวิทยาศาสตร์ว่า วิญญาณมีน้ำหนักหรือไม่ ? เลยเลือกคนไข้ 6 คนที่อยู่ในบ้านพักคนป่วยและใกล้เสียชีวิต ซึ่ง 4 คนเป็นโรควัณโรค หนึ่งคนเป็นโรคเบาหวาน และอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคอะไร
- เขาเน้นเลือกผู้ป่วยที่สภาพร่างกายอ่อนเพลียมาก เพื่อที่จะได้ไม่ขยับตัวในระหว่างที่เสียชีวิต จะได้ชั่งน้ำหนักได้แม่นยำ
- เมื่อพบว่าผู้ป่วยดังกล่าวใกล้จะเสียชีวิต ก็จะถูกยกไปทั้งเตียง เอาไปขึ้นตาชั่งโรงงาน ที่มีความไวในระดับ 2/10 ออนซ์ (5.6 กรัม)
- นอกจากนี้ เขายังเชื่อด้วยว่า มีแค่คนเท่านั้นที่มีวิญญาณ แต่พวกสัตว์ไม่มี เลยทำการทดลองชั่งน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงไปหลังตาย ของหมาอีก 15 ตัว โดยเชื่อกันว่าเขาใช้วิธีวางยาพิษพวกมัน (ซึ่งเป็นหมาที่สุขภาพดี ไม่ใช่หมาป่วยหรือใกล้ตาย)
- สำหรับผลที่ได้นั้น มีคนไข้คนหนึ่งที่น้ำหนักลดลงตอนตาย แต่น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นกลับมาเท่าเดิม / มี 2 คนที่น้ำหนักลดลง แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็เพิ่มขึ้น จนมากกว่าเดิมอีก / มีแค่คนเดียว ที่น้ำหนักลดลง 3/4 ออนซ์ (21.3 กรัม)
- ส่วนอีก 2 คนนั้น เขาไม่เอาผลมารายงาน โดยบอกว่าเครื่องชั่งไม่ได้ปรับจูนให้ละเอียดพอ ให้ทันกับตอนที่คนไข้กำลังเสียชีวิต
- ในขณะที่ ไม่มีหมาตัวไหนเลยใน 15 ตัว ที่น้ำหนักลดลงหลังจากตาย
- การทดลองในปี ค.ศ. 1901 นี้ ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 1907 (ในวารสารวิชาการ the Journal of the American Society for Psychical Research และ the medical journal American Medicine ) โดยเขาเชื่อว่าผลการทดลองที่ได้นั้น บอกว่า วิญญาณของมนุษย์น่าจะมีน้ำหนัก และระบุในรายงายว่าการทดลองนี้ควรที่จะถูกทำซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง ก่อนที่จะสรุปยืนยันผลได้
- ในปี ค.ศ. 1911 หนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งเคยลงบทความเกี่ยวกับการทดลองของ MacDougall ในปี 1907 มาเลย ก็ได้รายงานอีกว่า เขาตั้งใจจะทำการทดลอง "ถ่ายรูปวิญญาณ ออกจากร่าง"
- แต่ก็ไม่ได้มีการทดลองอะไรเกิดขึ้นอีก รวมถึงเรื่องการทดลองชั่งน้ำหนักวิญญาณซ้ำ และสุดท้ายเขาก็เสียชีวิตในปี 1920
- หลังจากการตีพิมพ์ผลการทดลอง "ชั่งน้ำหนักวิญญาณ" ในวารสาร American Medicine ไปแล้ว ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน ? และโดยรวมแล้ว ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของวงการวิทยาศาสตร์ รวมถึงถูกกล่าวหาด้วยว่าเป็นการทดลองที่ผิดพลาด , การชั่งน้ำหนักที่ไม่แม่นยำ , มีจำนวนตัวอย่างน้อยเกินไป และเลือกเสนอผลการทดลองตามใจตนเอง (จากที่เน้นเสนอผล ไปที่ผู้ป่วยเพียงแค่คนเดียว ที่มีน้ำหนักลดลงตามสมมติฐานของเขา) รวมไปถึงการวางยาพิษฆ่าหมา (ที่ยังมีสุขภาพดี) ไปถึง 15 ตัวด้วย
ป.ล. เคยมีคนที่พยายามทำการทดลองตามแบบนี้ด้วย โดยในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2001 นักฟิสิกส์ชื่อ Lewis E. Hollander Jr. ได้ตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการ Journal of Scientific Exploration ว่า เขาได้ทดลองชั่งน้ำหนักของสัตว์ใกล้ตาย คือ แกะตัวผู้ 1 ตัว , แกะตัวเมีย 7 ตัว , ลูกแกะ 3 ตัว และแพะ 1 ตัว พบว่า มีอยู่ 7 ตัวที่น้ำหนักเปลี่ยนไปตอนที่พวกมันตาย แต่ไม่ได้ลดลง กลับกลายเป็นเพิ่มขึ้น 18 ถึง 780 กรัม (แล้วก็ลดลงมา จนกลับมาเท่ากับน้ำหนักเดิม)
ขอบคุณ Jessada Denduangboripant