- 31 ก.ค. 2567
คนไทยจ่ายเงินซื้อน้ำมันราคาแพงที่สุดในโลก จริงหรือไม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ได้ออกมาชี้แจงแล้ว พบเป็นข่าวปลอม อย่าแชร์
มีการส่งต่อข้อมูลในโลกออนไลน์ระบุว่า คนไทยทั้งประเทศ ต้องแบกภาระจ่ายเงินซื้อน้ำมันแพงที่สุดในโลกนั้น ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงแล้ว ดังนี้
การตั้งราคาน้ำมันของต่างประเทศขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศนั้น ๆ (เช่น การชดเชยของรัฐฯ ภาษี ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน) และต้นทุนการซื้อน้ำมันสำเร็จรูป รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ โดยเมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันระหว่างประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ พบว่า ประเทศไทยไม่ได้ขายน้ำมันแพงที่สุดในโลกดังที่กล่าวไว้
ทั้งนี้ ปัจจัยในการกำหนดราคาน้ำมัน เกิดจากโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ดังนี้
1. ราคาหน้าโรงกลั่นหรือราคาเนื้อน้ำมัน คือ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังไม่ได้รวมภาษี กองทุน และค่าการตลาด
2. ภาษีสรรพสามิต คือ ภาษีที่จัดเก็บสินค้าที่มีผลกระทบต่อสังคม
3. ภาษีมหาดไทย (ภาษีเทศบาล) คือ ภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นตามมาตรา 4 ของ พรบ. จัดสรรเงินภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 และส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทย มีอัตราร้อยละ 10 ของภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละประเภท
4. เงินที่เรียกเก็บเข้า/อุดหนุน จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
5. เงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
6. ภาษีมูลค่าเพิ่มของราคาขายส่ง
7. ค่าการตลาด คือ ผลตอบแทนที่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จะได้รับจากการทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบ
8. ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาด คิดเป็น 7% ของค่าการตลาด
โดยหากเปรียบเทียบราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินของประเทศไทยและประเทศในอาเซียน ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 พบว่า สิงคโปร์ ราคา 78.68 บาท/ลิตร, ลาว 53 บาท/ลิตร, เมียนมา 47.51 บาท/ลิตร, กัมพูชา 42.30 บาท/ลิตร และ ไทย 38.45 บาท/ลิตร ดังนั้น ราคาน้ำมันในประเทศไทยจึงไม่ได้แพงที่สุดในโลกแต่อย่างใด
(อ้างอิง ข้อมูลราคาขายปลีกน้ำมันต่างประเทศประจำเดือนมิถุนายน 2567 จาก สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน : https://www.eppo.go.th/index.php/th/energy-information/interretailprice)
บทสรุปของเรื่องนี้
เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันระหว่างประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ พบว่า ประเทศไทยไม่ได้ขายน้ำมันแพงที่สุดในโลกดังที่กล่าวไว้