- 06 ส.ค. 2567
ตำรวจเร่งตามล่าบุคคลปริศนา สวมรอยหนุ่มญี่ปุ่น อีเมลไปขอเงินแม่ เค้นเพื่อนสนิทสอบ ยืนยันไม่รู้เรื่อง สีหน้ายิ้มแย้ม
ความคืบหน้ากรณีหนุ่มญี่ปุ่นหายตัวในไทย 4 ปี พบเสียชีวิตแล้วที่เชียงใหม่ ล่าสุด ตำรวจเร่งล่าตัว 2 ไอ้โม่ง อีเมลสวมรอยเป็นหนุ่มญี่ปุ่น ลวงขอเงินจากเเม่ทั้งที่ตัวจริงตายไปเเล้ว พบยังเเอบใช้บัตรเครดิตถึงปี 2567 ด้านแม่ติดใจ ขอพิสูจน์ดีเอ็นเอ ยืนยันอัตลักษณ์เป็นลูกชาย คุมตัวเพื่อนสนิทเค้นสอบ อ้างไม่รู้เรื่องอะไร
เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ , ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันเเถลงผลการสืบสวน ติดตามการหายตัวไปของ นายเอ หนุ่มชาวญี่ปุ่น วัย 39 ปี ที่ขาดการติดต่อกับเเม่มานาน4 ปี โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ เริ่มตั้งเเต่ วันที่ 5 มี.ค. 63 ที่นาย เอ เดินทางเข้าในไทย ผ่านด่าน ตม.หนองคาย มาทำงานในกรุงเทพมหานคร ต่อมาวันที่ 8 ก.ย.2563 นายเอ เเละ เพื่อ คือ นายบี ถูกเเจ้งความ ถูกดำเนินคดีอาญา ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ วันที่-8 พ.ย.2563 ศาลเเขวพระนครใต้ออกหมายจับทั้งคู่ วันที่ 10 พ.ย.63 ถูกจับกุมทั้งคู่ ต่อมา 12 พ.ย. 63 ฝากขัง นายเอ เเละ นายบี เเต่นายบี ได้รับการประกันตัวคนเดียว จากนั้นวันที่ 18 พ.ย. นายเอ ถึงได้รับการประกันตัว โดยมีภรรยานายบี เป็นนายประกันให้
ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2564 ถึง 5 มีนาคม 2565 พบความเคลื่อนไหวที่นครสวรรค์ ไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง จากการตรวจสอบพบมีการเปลี่ยนมือคนเช่าเเละพบว่าต่อวีซ่าครั้งสุดท้าย 6 มีนาคม 2565 ต่อมาวันที่ 8 กันยายน ปี 2565 ทั้ง2 คน หนีประกันในชั้นศาล มีหมายจับของศาลแขวงพระนครใต้ ออกหมายจับอีกครั้ง
กระทั่งสืบสวนทราบว่า วันที่ 8 มิ.ย.2566 พบป่วยตายที่ โรงพยาบาลสันทราย เชียงใหม่ จากการตรวจสอบไม่พบการทำร้ายร่างกาย เเพทยสรุปความเห็นเสียชีวิตจากปอดติดเชื้อ ขณะนี้ศพยังถูกเก็บรักษาที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
ซึ่งวันนี้ได้มีการควบคุม ตัวนายบี ได้ที่บ้านพักย่านรามอินทราพบวีซ่าหมดอายุ ขณะนี้เเจ้งข้อมูลนายเอ ให้สถานทูตให้ทราบเเล้ว ทางสถานทูตเชื่อว่า ศพนิรามกับชายญี่ปุ่น เป็นคนเดียวกันกับนายเอ ส่วนครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิต เเต่ติดใจเรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์ ว่าใช่ลูกชายหรือไม่ โดยตำรวจจะส่งตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันยันให้ความกระจ่างกับครอบครัว หากยังสงสัย
ส่วนทางคดีนั้น สืบเนื่องจากวันที่ 9 มิ.ย.66 เเม่ได้รับข้อความทางอีเมลต้องสงสัยแจ้งว่า นาย เอ ป่วยหนักต้องใช้เงิน เเม่จึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารญี่ปุ่น 1 ล้านเยน โอนไปยังบัญชีชื่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้ส่งให้สถานทูตตรวจสอบชื่อผู้รับโอนเงิน
วันที่ 21 มิ.ย. 2566 มีอีเมลมาหาเเม่อีกครั้ง ต้องใช้เงินอีก 300,000 เยน เเต่เเม่ไม่ได้โอนเงินให้ไป
วันที่ 28 มิ.ย. 2566 มีความพยามอรเมล์มาหาเเม่อีกครั้ง พร้อมกับส่งรูปลูกชายในสภาพผอมเเห้ง เเม่ก็เเปลกใจ เเต่เเม่ก็ยังไม่โอนเงินให้อีก
วันที่ 29 มิ.ย. 2563 เเม่ติดต่อกับลูกชายได้ ครั้งสุดท้ายผ่านไลน์ จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก
วันที่ 4-6 ก.ค. 2567 มีความเคลื่อนไหวการใช้บัตรเครดิต แม้ว่านายทากาชีโร่จะตายไปนานเเล้ว
จนกระทั่งล่าสุดวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ครอบครัวได้มาเเจ้งความที่สน.คลองตัน เวลานี้เเม่โอนเงินไปให้เเค่1 ครั้ง คือ 1 ล้านเย็น หลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งตรวจสอบที่อีเมลสวมรอยไปหลอกแม่ให้โอนเงิน รวมทั้งบุคคลที่นำบัตรเครดิตผู้ตายไปใช้
ภายหลังตำรวจชุดสืบสวนสอบปากคำนายบีในเบื้องต้น เเละได้คุมตัวนายบีออกมาจากห้องสืบสวน ไปยังห้องสอบสวน ระหว่างนั้น บรรดาสื่อมวลชนได้พยายามสอบถาม นายบีว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยนายบีตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลเป็นไทยว่า ตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด เเละหันมายิ้ม
สำหรับศพของนาย ทากาชีโร่ ตอนนี้ยังอยู่ที่เชียงใหม่ การผ่าพิสูจน์เสร็จเเล้ว โดยแพทย์ลงความเห็นไม่มีการถูกทำร้ายร่างกาย