- 12 ส.ค. 2567
ปิดจ็อบไล่ล่ากว่า 20 วัน สืบนครบาลรวบแบงค์ ปากช่อง อายุ 39 ปีก่อคดีขืนใจหญิงวัย 59 ปีอ้างแอบชอบมานานแต่วงจรปิดมือถือมีดวิ่งไล่ล่าผู้เสียหาย
ปิดเกมล่า แบงค์ ปากช่อง ก่อเหตุหญิงวัย 59 เปิดกล้องวงจรปิดเจอภาพระทึก สืบนครบาลตามรวบ แบงค์ ปากช่อง โดยคนร้ายนี้ก่อคดีบุกขืนใจสาววัย 59 ปีนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะวางแผนอุ้มทำร้ายในห้องน้ำ แต่ "ปาฏิหาริย์" น้ำมันมะพร้าวทำให้เหยื่อวิ่งหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิดยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ เป็นคดีสะเทือนขวัญของประชาชน
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.นจัดมือดีทีมสารวัตรแจ๊ะไล่ล่า บุกล้อมจับบ้านในอำเภอปากช่องแต่เสมือนถูกบังตาแอบ เจ้าหน้าที่ล้อมหลายสิบนายก่อนมุดหนีหลบเข้าป่าไปได้อย่างน่าทึ่ง
โดยท้ายสุดคนร้ายมาจนมุมหลังมาเร่ร่อนนอนข้างทางอยู่ในย่านพระโขนงเจ้าตัวเผยว่า “ไม่ได้เล่นของ แต่เป็นประสบการณ์ล้วนๆ” ใช้เวลาไล่ล่ากว่า 20 วัน กำลังขยายผลถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นำทีมสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายสุรพงษ์ ป้อมลอย หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ที่อยู่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.490/2567 ลงวันที่ 24 ก.ค. 67
ข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายได้กระทำโดยใช้อาวุธ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของบุคคลนั้น ได้กระทำโดยใช้อาวุธ , ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยมีอาวุธ , บุกรุก โดยมีอาวุธ ในเวลากลางคืน" และพบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญา 3 คดีดังนี้
1.วันที่ 9 ก.ค. 55 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
2.วันที่ 18 เม.ย. 58 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
3.วันที่ 12 ก.ค. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษฯ” พื้นที่ สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา
พฤติการณ์กล่าวคือ คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 หญิงผู้เสียหายนอนหลับอยู่ในห้องพักของแมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ จู่ๆเธอเกิดอาการหายใจไม่ออก เมื่อเธอได้สติตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองถูกคนร้ายกำลังใช้หมอนกดลงบนหน้าเธออยู่ แรงขืนไม่สามารถทานน้ำหนักตัวคนร้ายที่ทับร่างเธออยู่ ทำได้เพียงพยายามส่งเสียงอู้อี้ที่คงไม่มีใครได้ยินจนเธอใกล้สิ้นแรง คนร้ายข่มขู่เธอ "อย่าร้องนะ......เงินอยู่ไหน"
เธอพยายามส่งเสียงผ่านหมอนว่า "ยอมแล้ว" พร้อมกับบอกตำแหน่งของทรัพย์สิน คนร้ายเริ่มคลายแรงลงและเอาหมอนออก เหตุการณ์เหมือนจะจบลงแต่กลับเลวร้ายกว่าเดิม เมื่อคนร้ายไม่มีท่าทีสนใจทรัพย์สินแต่กลับมองร่างกายเธอแล้วคว้าผ้ามามัดปิดตาเธอไว้ แล้วได้ชักมีดคัดเตอร์มาจี้คอบังคับเธอเปลื้องผ้าและนำน้ำมันมะพร้าวชโลมเธอทั้งตัว ก่อนจะลงมือขืนใจกว่า 2 ชั่วโมงโดยใช้มีดคัดเตอร์กดจี้ที่หน้าท้องเธออยู่ตลอดเวลาคนร้ายยังกล่าวกับผู้เสียหายว่า "ผมชอบป้ามานานแล้ว"
ก่อนจะนำผ้าห่มมาพันหัวพันตัวของเธอแล้วยกเธอเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อทำบางอย่างเธอรวบรวมสติสุดท้ายใช้จังหวะคนร้ายเผลอวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างสุดชีวิต คนร้ายวิ่งไล่ตามออกมาจากห้องพักอย่างกระชั้นชิด ก่อนที่คนร้ายใช้มือคว้าแขนเธอไว้ แต่ราวกับ “ปาฏิหาริย์” น้ำมันมะพร้าวที่ถูกชโลมทำให้เธอสามารถสลัดหลุดคนร้ายมาได้ ก่อนจะวิ่งกรีดร้องลงจากแมนชั่นไปขอความช่วยเหลือ รอดพ้นนรกได้อย่างหวุดหวิด
หนังชีวิตจบลงไม่นาน ร.ต.ท.หญิงณัฐพร พุ่มกระจ่าง รอง สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง ได้เดินทางมาถึงและกลับเข้าไปตรวจสอบในห้องพักที่เกิดเหตุก็พบว่าคนร้ายดันลืมกระเป๋าเอกสารและบัตรประจำตัวทิ้งไว้ในห้อง จึงส่งหลักฐานออกหมายจับคนร้ายรายนี้ได้ในทันที ซึ่งก็คือ นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้อุกอาจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบนครบาลเร่งติดตามไล่ล่าในทันที กว่า 20 วันที่ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามคนร้ายที่หลบหนีอย่างสุดชีวิตไปในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ , จ.นครนายก , จ.นครราชสีมา อาศัยนอนริมป่าข้างทางเพื่อหลบเจ้าหน้าที่ จนท้ายสุดชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านพักติดภูเขาในพื้นที่ อ.ป่าโมง จ.นครราชสีมา ซึ่งสารวัตรแจ๊ะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปกว่า 10 นายบุกเข้าไปจับตัว แต่ก็ได้พลาดท่าให้กับคนร้าย เมื่อคนร้ายได้ยินเสียงรถยนต์มาแต่ไกลไหวตัวแอบหลบมุดออกทางรูลวดหนามไปก่อนเจ้านาที่จะเข้ามาถึงเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในป่าหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างฉิวเฉียด และหลบหนีเข้ามาเร่ร่อนในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ
ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนได้รับเบาะแสจากเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.พระโขนง ว่าพบชายต้องสงสัยตำหนิรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายนอนอยู่บริเวณใต้สะพานกลับรถตรงข้ามห้างซีคอนแควร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ จ.กรุงเทพฯ ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและพบว่าเป็นคนร้ายจึงสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด
หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป
ในชั้นจับกุม นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ ให้การภาคเสธ โดยให้การว่า "ตนเองเป็นโรคร้ายคงจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี จึงหลบหนีอย่างสุดชีวิต โดยในวันที่เจ้าหน้าที่ไปจับกุมตนเองได้ใช้ประสบการณ์ที่เคยหนีเจ้าหน้าที่จากวงไพ่ โดยใช้หลักการไม่วิ่งหนี แต่มุดแอบอยู่ใกล้ๆเจ้าหน้าที่ โดยยอมรับว่าตนไม่ได้เล่นของหรือไสยศาสตร์ใดๆเป็นประสบการณ์ล้วนๆ ส่วนในทางคดียืนยันว่าตนเองไม่เคยก่อเหตุข่มขืนคนสูงอายุมาก่อน แต่ในคดีนี้ยอมรับว่าได้เข้าไปทางห้องร้างข้างห้องผู้เสียหาย ก่อนจะแอบเข้าไปทางประตูหลังห้อง จากนั้นจึงลงมือกระทำไปแต่ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศได้เพราะได้ทำการดัดแปลงอวัยวะเพศมา จึงอนาจารจนสำเร็จความใคร่ ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นของผู้เสียหายไม่ใช่ของตนเอง
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า "เป็นอุทธาหรณ์เตือนภัยหญิงสาวทุกท่านที่พักอาศัยอยู่คนเดียวเพียงลำพัง โปรดเพิ่มความระมัดระวังในการเข้า - ออก รวมถึงการล็อคประตูและหน้าต่างภายในห้อง เพราะเราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าจะมีคนร้ายประเภทนี้ ติดตามสะกดรอยจนทราบที่พักอาศัยของท่านเมื่อใด เพราะแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้ ถือได้ว่าเป็นภัยต่อสังคมโดยเฉพาะหญิงสาวอย่างร้ายแรง หากประชาชนท่านใด พบหรือทราบว่ามีบุคคลที่มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ สืบนครบาล IDMB"