เพื่อนรุ่นพี่รุมยำ 2 พ่อลูกเจ็บสาหัส เปิดอีกมุม โดนขู่ก่อน ลั่นปากแจ๋วเอง

จากกรณีพ่อแม่เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่รับน้องโหด ทำร้ายร่างกายลูกชาย หลังจากลูกชายไปขอลาออกจากการเข้าระบบการรับน้องจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.กรมชลประทาน ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้า

ล่าสุด นักศึกษามหาลัยชื่อดัง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ และเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผู้ก่อเหตุ ได้ออกมาเล่าอีกมุมของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันที่ 14 ส.ค.67  ว่าพ่อแม่คนเจ็บโทรมาขู่ว่าจะทำร้ายรางกายจะบุกมามหาลัยพร้อมบอกว่าจะตัดตัดเศียรองค์พ่อพระวิษณุกรรมหน้ามหาวิทยาลัยที่ทุกคนเคารพกราบไว้บูชา

รุ่นน้องคนดังกล่าวได้เข้ามาขอเข้าร่วมรับน้องกับตน ด้วยความสมัครใจไม่เกี่ยวกับมหาลัย ในการรับน้องมีแค่ลุกนั่ง วิดพื้นตามปกติ ในประเด็นที่พ่อแม่น้องคนเจ็บให้ข่าวว่ามีการทำร้ายร่างกายทุกวัน ให้น้องกินดิน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง 

รุ่นน้องคนดังกล่าวมีปัญหาตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. และออกจากการรับน้องไปด้วยปัยหาส่วนตัว ซึงตอนนั้นก็มีเพื่อนๆรุ่นพี่ขับรถไปส่งและแยกย้ายกันปกติ ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. 67 ทางรุ่นน้องและพ่อของรุ่นน้อง ได้โทรมาด่าทอ โดยโทรมาทางโทรศัพท์เพื่อนของตนมีการด่าไปถึงบุพการี โดยการใช้คำพูดว่า ‘’เดี๋ยวกูจะไปเตะหน้าพวกมึงรอเลย‘’ และมีอีกหลายประโยคตามคลิปเสียงที่ตนใช้เป็นหลักฐาน และมีการท้าให้ตนเข้าไปหาแต่ตนก็ไม่ได้ไป ทั้งนี้ยังพูดขู่ต่ออีกว่า ‘’พรุ่งนี้เดี๋ยวกูเข้าไปมึงอยู่มอใช่ไหม มึงเตรียมคนมารอรับศพพวกมึงเลย เดี๋ยวกูเข้าไป‘’ ซึ่งโทรหาแบบนี้หลายสายแทบทั้งวัน แต่พวกตนไม่ได้ไปตามที่พวกเขานัด

ล่าสุดวันนี้ 15 ส.ค. 67 เวลาประมาณ 12.00 น. นายต้นรุ่นน้องคนดังกล่าวก็ได้เดินทางมาที่มาหาวิทยาลัยพร้อมกับพ่อแม่ โดยได้เดินขึ้นไปคุยกับอาจารย์บนตึกเรื่องอะไรตนไม่ทราบ จากนั้นหลังพูดคุยเสร็จ ทางนรุ่นน้องและพ่อก็ได้เดินลงมาจากอาคารแล้วก็พบเจอกับพวกตน ที่นั่งเล่นอยู่ใต้อาคารประมาณ 10 กว่าคน พอประสบพบเจอกันทางกลุ่มเพื่อนตนก็ได้พูดคุยประเด็นที่มีปัญหากันผ่านทางโทรศัพท์ก่อนจะเกิดอารมณ์เพื่อนตนมีการชกต่อยไป ตอนนั้นตนอยู่ในเหตุการณ์เท่าที่เห็นและจำได้มีเพื่อนตนประมาณ 1-2 คน ที่เป็นคนลงมือทำร้ายจริงๆ อาจมีมากกว่านั้นซึ่งไม่เกิน 3-4 คนอย่างแน่นอน เพราะที่เหลือวิ่งเข้าไปห้ามกันหมดซึ่งตามข่าวที่มีการบอกว่ารุมทำร้าย 20 คนนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนเป็นคนไปช่วยห้าม สรุปง่ายๆเรื่องนี้สาเหตุหลักก็คือ ทางกลุ่มเพื่อนตนน่าจะทนไม่ไหวกับคำพูดท้าทายขู่ฆ่าของรุ่นน้อง และพ่อที่โทรมาผ่านโทรศัพท์มือถือก่อนเกิดเหตุ