- 30 ส.ค. 2567
ภรรยาชาวไทยพร้อมสามีชาวอังกฤษ เข้าร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกแม่ลูกชาวจีนเดินชน แล้วยังไล่ทำร้าย แจ้งความด้านตำรวจขอให้ยอมความ เนื่องจากชาวจีนมีเส้น
วันศุกร์ที่ 30 ส.ค.67 เวลา 10.30 น. ภรรยาชาวไทย พร้อมสามีฝรั่งชาวอังกฤษ เดินทางมาร้องทุกข์ที่เพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม
กรณีถูกสองแม่ลูกชาวจีน เดินชนภายในห้างเซลทรัลภูเก็ต แทนที่จะขอโทษกลับถูกโวยวายใส่จนเสียงดังลั่นห้าง ซ้ำปรี่เข้ามาทำร้าย กระชากเสื้อจนขาด ส่วนภรรยาชาวไทย ถูก 2 แม่ลูกชาวจีนเข้ามารุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ปัดโทรศัพท์ตกจนหน้าจอแตกได้รับความเสียหาย สามีฝรั่ง พยายามเดินหนีและเอามือกันภรรยาเอาไว้ ไม่ให้ 2 แม่ลูกชาวจีนเข้ามารุมทำร้าย สุดท้ายกลับถูก 2 แม่ลูกชาวจีนแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย พอไปชี้แจงกับตำรวจว่าชาวจีนพูดโกหก ให้การเท็จ ตำรวจกลับพูดว่า ยอมๆเข้าไปเถอะ คนจีนเขามีเส้น! ถ้าไม่ยอมจะอยู่ลำบาก
ทำให้ผู้เสียหาย เครียดมาก ไม่ได้ทำผิดแต่กลับต้องตกเป็นผู้ต้องหา ไม่คิดว่าประเทศไทยจะเป็นแบบนี้ จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อช่วยเหลือเรื่องคดี
ต่อมาทางด้าน คุณปุ๊กกี้ อายุ 25ปี (ผู้เสียหายชาวไทย) เปิดเผยว่า ตนเองและแฟนหนุ่มชาวอังกฤษ ได้ไปเดินเล่นในห้างดังที่ จ.ภูเก็ต จากนั้นระหว่างที่เดินอยู่ ได้มีการเดินชนกับ สองแม่ลูกชาวจีน ซึ่งฝ่ายตนพยายามหลบแล้ว แต่สองแม่ลูกชาวจีนเล่นโทรศัพท์ ทำให้หลบไม่พ้น จากนั้น แฟนหนุ่มจึงพูดไปว่า "ให้เดินระวังหน่อย" จากนั้น สองแม่ลูกชาวจีน มีการตะโกนด่า ว่าเธอเดินชนแม่ฉัน พร้อมกับด่าถ้อยคำหยายคาย "fuck you" พร้อมชูนิ้วกลาง ตลอดเวลา และพยายามพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกาย แฟนหนุ่มพยายามบอกว่า อย่าโดนตัว อย่าเข้ามาแตะเนื้อต้องตัว แต่ชาวจีนไม่ยอม จะเข้ามาทำร้ายร่างกายตน แฟนหนุ่มพยายามเอามือปกป้องตนเองไว้ จากนั้นได้ผลักกลับไปเบาๆ แต่ชาวจีนกลับล้มลง แล้วได้เดินติดตามมาเรื่อยๆ จากนั้นตนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเหตุการณ์เก็บไว้ ระหว่างนั้นชาวจีนได้พยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายตน เข้ามาเอามือปัดโทรศัพท์ของตนหล่นไปถึง 2 รอบ และเดินหลบหนีออกจากห่าง แต่ชาวจีนก็ตามมาไม่ลดละ เดิยมาต่อยแฟนชาวอังกฤษ จังหวะที่ออกมาหน้าห้าง มีเจ้าหน้าที่ของทางห้างเข้ามาช่วยห้าม แต่แม่ลูกชาวจีนกระโดนขึ้นหลังแฟนชาวอังกฤษ แล้วฉีกเสื้อขาด แต่เราก็ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ จึงรีบเดินทางออกจากจุดนั้น
หลังจากเดินทางออกมา ได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาแจ้งความที่ สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามบอกว่าให้ยอมความ เนื่องจากฝั่งของชาวจีน รู้จักกับผู้มีอิทธิพล
โดยให้เลือก 3 ข้อ
1.ฝั่งคู่กรณีแจ้งว่าให้ขอโทษออกสื่ออย่างจริงใจ ซึ่งตนและแฟนมองว่า ผิดทั้งคู่ ต่างคนต่างขอโทษ ตนยินดี
2.ยอมรับ รับสารภาพแล้วจ่ายค่าปรับ ตนและแฟนมองว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม
3.หากปฎิเสธทั้งสองข้อ สามารถดำเนินคดีได้ แต่ระหว่างดำเนินคดี แฟนหนุ่มชาวอังกฤษจะมีปัญหาเรื่องการเข้า-ออกนอกประเทศ
ตนจึงมองว่า การที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับ ไม่ให้ความเป็นธรรม เพียงคู่กรณีมีเส้นมีสายมีอิทธิพล ทำให้แฟนชาวอังกฤษไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรมของคนไทย
อีกทั้ง หลังจากเกิดเรื่อง มีชาวไทยที่รู้จักกับหญิงชาวจีนได้ เอารูปภาพของตนเอง ไปโพสถ์ในเฟสบุ๊ก และลงข้อความว่า "ตามตัว หาตัว เตรียมตัวได้เลย เดียวดัง"
รวมถึงตนยังกลัวความไม่ปลอดภัย เนื่องจากตนอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นมา 3 ปีแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกันหมด เพราะฝ่ายคู่กรณีมีอิทธิพล รู้จักคนเยอะ
ทางด้านของคุณจอร์น (ผู้เสียหายชาวอังกฤษ)
เปิดเผยว่า ตนเองมาอยู่ประเทศไทย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนหมดความเชื่อมั่นในระบบกฎหมาย ความยุติธรรมต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายได้แนะนำให้ยอมความ ตนเองไม่ได้เครียดเรื่องการจ่ายค่าปรับ แต่ตนเองมองในเรื่องของความถูกต้องเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามตนเองสบายใจขึ้น ที่กระบวนการความยุติธรรมของประเทศไทยยังมีทางออก ขอขอบคุณ คุณเอกภพ ที่ให้ความช่วยเหลือ และสื่อมวลชนที่รับฟัง จากนี้ตนเชื่อมั่นระบบความยุติธรรมของประเทศไทยมากขึ้น
ทางด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายชาวอังกฤษเดินทางจากจังหวัดภูเก็ต มาร้องขอความเป็นธรรมกับเพจสายไหมต้องรอด สัปดาร์ที่ผ่านมา วันที่เกิดเหตุ ฝรั่งชางอังกฤษไปเดินทาง ระหว่างที่เดินดูของตามปกติ เห็นชาวจีน แม่ลูกเดินเล่นโทรศัพท์มา จากนั้นเดินมาชน ทั้งๆที่ ฝรั่งชางอังกฤษพยายามหลบแล้ว จากนั้นฝรั่งมีการบอกไปว่า "ให้เดินระวังหน่อย" จากนั้นชาวจีนได้มีการต่อว่า หาว่าฝรั่งเป็นคนเดินชนก่อน ฝรั่งก็บอกว่าคุณนะเป็นคนชนก่อน จึงมีการโต้เถียงกันเสียงดัง ชาวจีนไม่ยอมได้เดินตามแล้วมาทำร้ายตลอดเวลา ทางฝรั่งขาวอังกฤษพยายามปกป้องแฟนสาว เพราะชาวจีนจะเข้ามาทำร้ายแฟนสาวชาวไทยตลอดเวลา จึงมีช่วงที่พยานามพลักชาวจีนออกจากแฟนสาว ทำให้ชาวจีนล้มลง จากนั้นชาวจีนก็เข้ามาปัดมือถือตก ทำให้ได้รับความเสียหาย
หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปแจ้งความ แต่ฝ่ายชาวจีนไปแจ้งความก่อน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายบอกกับฝรั่งและแฟนสาวชาวไทยว่าให้ยอมความ เพราะชาวจีนมีเส้นสาย หากปรับแล้วเรื่องจะจบ แล้วบอกว่าหากไม่ยอมความ จะไม่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้
เบื้องต้น ตนเองได้ประสานทางท่านโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) รวมถึง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเรื่องดังกล่าว ท่านได้ประสานไปยัง สภ.ในพื้นที่ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว