เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

หนุ่มเตือน รถใครจมน้ำท่วม ห้ามสตาร์ทเด็ดขาด เผลอทำประกันไม่รับเคลม แนะให้เรียกรถสไลด์เท่านั้นมายกไปอู่ซ่อม

จากเหตุการณ์น้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ตอนนี้น้ำเริ่มลดลงไปมากเหลือไว้เพิ่งเศษซากความเสียหายที่รอการเยียวยา ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเข้าบ้านไปทำความสะอาดดินโคลนที่มากับน้ำป่า บางบ้านโคลนสูงเท่าเอวจนเป็นเนินดินด้านในบ้าน ทั้งยังมีรถยนต์จอดจมน้ำเสียหายไม่สามารถนำออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้ทัน รอประกันเข้ามาประเมินความเสียหายในครั้งนี้

 

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

 

ล่าสุด เพจ โจน่าทาน ได้ออกมาเตือนคนที่รถยนต์จอดจมน้ำเสียหาย ถึงข้อห้ามเด็ดขาดหากไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม โดยระบุว่า..."รถที่จมน้ำมาห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด ต้องให้รถอยู่ในสภาพเดิมหลังจากน้ำท่วมเท่านั้นหากเครื่องยนต์พังเพราะเราพยายามสตาร์ทประกันจะไม่รับเครม"  

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

 

โดยในคลิปมีการแนะคนที่ต้องการเอารถไปซ่อมให้เรียกรถสไลด์เท่านั้นเพื่อนำไปซ่อมที่อู่และให้ประกันมาประเมิน

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

 

ทั้งนี้เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปชาวเน็ตที่เห็นต่างบอกว่าถือเป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน พร้อมบอกว่าเป็นคลิปที่มีประโยชน์มากๆ

 

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

 

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

ด้าน วิริยะประกันภัย ได้เคยเผยถึงประเด็นรถน้ำท่วมไว้ว่า...เมื่อรถอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยน้ำเป็นเวลานานจากภัยน้ำท่วม สิ่งที่สำคัญ คือ ขั้นตอนปฏิบัติที่ถูกต้องต่อชิ้นส่วนต่างๆทั้งภายในและภายนอกตัวรถ ซึ่งการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องนั้น จะช่วยรักษาส่วนประกอบต่างๆของรถให้เกิดความเสียหายในระดับที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ข้อควรปฏิบัติ กรณีรถน้ำท่วม

  1. ให้ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ทันทีที่รถเข้าอู่
  2. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำมันพาวเวอร์ทันที
  3. ทำความสะอาดภายในห้องเครื่องทั้งหมด
  4. ถอดกรองอากาศออกมาตรวจสอบว่ามีน้ำอยู่หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าอาจมีน้ำเข้าไปยังชุดท่อรวมไอดีได้ ไม่ควรที่จะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์เพราะอาจมีน้ำเข้าไปในห้องเผาไหม้และจะทำให้ก้านสูบคดได้
  5. ให้ถอดหัวเทียน (เครื่องเบนซิน) หรือหัวฉีด (เครื่องดีเซล) ออกมาทุกสูบ เพื่อทำการสตาร์ทไล่น้ำออกจากห้องเผาไหม้
  6. ถอดล้างทำความสะอาดกล่องฟิวส์ กล่องควบคุมเครื่อง (ECU) กล่อง Air Bag กล่องเกียร์ (ถ้ามี) และให้ถอดปลั๊กไฟออกมาฉีดน้ำยาไล่ความชื้นตามขั้วปลั๊กทั้งหมด
  7. ทำความสะอาดภายในรถ ทำความสะอาดเบาะแล้วตากในร่ม (ห้ามตาก แดด)
  8. ถอดทำความสะอาดตู้แอร์ คอยล์เย็นแอร์ และถอดทำความสะอาดแผงนวมหน้าปัทม์มาตรวัดต่างๆในเรือนไมล์
  9. ทำความสะอาดและตรวจสอบไดชาร์จ และมอเตอร์สตาร์ท
  10.  ถอดทำความสะอาดและตรวจสอบชุดลูกรอกสายพานไทร์มิ่งต่างๆ
  11.  ถอดทำความสะอาดฝ้าหลังคา
  12.  ถอดทำความสะอาดและตรวจสอบระบบเบรคทั้ง 4 ล้อ

เตือนแล้วนะ รถใครจมน้ำท่วม ไม่อยากโดนประกันไม่รับเคลม ห้ามเผลอทำเด็ดขาด

กรณีเกียร์ออโต้   

ตรวจสอบน้ำมันเกียร์ว่ามีน้ำปะปนในน้ำมันเกียร์หรือไม่ น้ำมันเกียร์ที่มีน้ำปนอยู่จะมีลักษณะคล้ายโยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่  ถ้าพบให้อู่ดำเนินการถอดเกียร์ออกจากเครื่องและให้นำทอร์คคอนเวเตอร์เอามาคว่ำแล้วล้างโดยการใส่น้ำมันเบนซินเข้าไปแล้วหมุนทอร์คตามเข็มนาฬิกา ทำประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนตัวเกียร์ให้ทำการผ่าแล้วล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้าย

กรณีเกียร์ธรรมดา
ถอดหัวหมูออกแล้วทำความสะอาดชุดคลัทช์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย

 

ชมคลิป

ขอบคุณ เพจ โจน่าทาน  , วิริยะประกันภัย