- 03 ต.ค. 2567
แฟนเจ้าของรถ เผยดีใจได้รถและแมวคืน เป็นอุทาหรณ์ชะล่าใจไม่ได้แม้เสี้ยววิ ชี้ที่บอกว่าผู้ก่อเหตุป่วยทางจิต ย้อนแย้งกับการกระทำ โดยเฉพาะการถอดป้ายทะเบียนออก
เวลา 13.00 น. แฟนของเจ้าของรถ อายุ 27 ปี เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและดูสภาพรถ โดยเจ้าตัวยังมีอาการตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า ตอนนี้ยังคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้รถคืน และได้แมวคืนด้วย ตนขอขอบคุณทั้งตำรวจและประชาชนทุกคนที่ช่วยกันตามหารถและแมว
โดยเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ตนกับแฟน เดินทางไปพร้อมกับน้องแมว แต่ตนมีอาการป่วย จึงจอดรถเพื่อจะเข้าไปซื้อยา ซึ่งจอดบริเวณลานจอดด้านหน้าห้าง และสตาร์ทรถทิ้งไว้เพราะมีแมวในรถ ซึ่งคิดว่าไปไม่นาน คงไม่เป็นอะไร เพราะสถานที่ก็เป็นในห้าง มีคนพลุกพล่าน มี รปภ. อยู่
จากนั้นระหว่างเดินกลับมาที่รถ ก็เห็นรถสีดำผ่านหน้าไป ตอนแรกยังไม่เห็นทะเบียน พอรถขับผ่านไปแล้วเห็นทะเบียนก็ตกใจ ตนก็รีบวิ่งตาม แต่เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดี เพราะเพิ่งผ่าตัดสมองมา จึงวิ่งไม่ไหว ตอนนั้นผู้ก่อเหตุ พยายามขับรถวนไปวนมา เพื่อหาทางออก
ตอนนั้นได้มีรถของพลเมืองดี ขับไปขวางไว้ให้ ตนก็ไปดึงประตูข้างรถ ผู้ก่อเหตุ ยังหันมาท่าทีเอาเรื่อง บอกว่า “รถกู กูผิดอะไร” เหมือนกับเป็นรถของตัวเอง แล้วขับชนรถพลเมืองดี จนต้องยอมขับหลบออก แล้วเจ้าหน้าที่ห้าง และ รปภ. ช่วยกันเอาแผงเหล็กมากั้น ผู้ก่อเหตุก็ขับรถฝ่าแผงเหล็กออกจากห้างไป ตอนนั้นวินมอเตอร์ไซค์บอกให้ตนซ้อนท้ายแล้วพาขี่ตาม ไปจนถึงแยกรัชโยธิน ก็คลาดกันไป จึงเข้ามาแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน และฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าชะล่าใจ แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีความอันตรายหมด ต้องมาเสียทั้งทรัพย์สิน เสียทั้งเวลา ซึ่งครั้งนี้ยังโชคดีที่ได้รถคืน และน้องแมวก็ปลอดภัย ตอนนี้กลับมาซนเหมือนเดิมแล้ว
ส่วนกับผู้ก่อเหตุ ตนรู้สึกว่า การที่บอกว่าป่วย มันย้อนแย้งกับการกระทำ เพราะมีการขับรถออกไปแล้วยังไปจอดเพื่อถอดป้ายทะเบียนรถออก ช่วงที่พยายามจะเอารถออกจากห้าง ก็เหมือนมีการคิดตัดสินใจอยู่ตลอดในการขับชน ซึ่งตนก็อยากให้ตำรวจมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย กลัวว่าจะไปก่อเหตุให้ใครเดือดร้อนอีก
ด้าน แม่และพี่สาวของผู้ต้องหา ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่ช่วง 11.00 น. ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ