- 08 ต.ค. 2567
พยาบาลสาว แฉ ผัวเป็นตำรวจระดับสารวัตร นอกใจไปแอบแซ่บกับเจ้าของสบู่แบรนด์ดัง มือที่ 3 โผล่สวนกลับงานนี้ คดีพลิก?
ปัญหาครอบครัว "สามีนอกใจ" เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที หลังจากที่ เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return part 6 โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ พยาบาลวิชาชีพ เป็นภรรยาของนายตำรวจระดับสารวัตร ที่ออกมาแฉว่าสามีนอกใจ โดยหญิงมือที่สาม เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าดังใน tiktok
โดยเมียหลวงซึ่งมาร้องเรียนกับทางเพจมีหลักฐานเป็นคลิปภาพและเสียงที่สามีไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับหญิงมือที่สาม ตอนนี้เมียกลับต้องเป็นฝ่ายกลัวว่าจะถูกฟ้องกลับ เพราะเชื่อว่า หญิงมือที่สามมีเจ้าหน้าที่เป็นแบ็ก ถึงขั้นที่เมียหลวงเคยคิดสั้นเพราะหมดหนทาง
ด้าน ภรรยาของตำรวจ เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นแม่หม้ายลูก 1 สามีเก่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจนลูกอายุได้ประมาณ 9 ขวบ ยอมรับว่าตอนนั้นมีหนุ่มๆ เข้ามาจีบเยอะ แต่ตนไม่เคยสนใจ กระทั่งมีตำรวจหนุ่มนายหนึ่ง เข้ามาจีบทางเฟซบุ๊ก เมื่อปี 2562 ซึ่งตำรวจหนุ่มรายนี้บอกว่า ตัวเองเป็นพ่อหม้ายลูก 2 และชีวิตครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ ต้องการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวใหม่
ตำรวจหนุ่มตามจีบ อยู่เดือนกว่าๆ ก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะรู้สึกคลิก เข้าอก เข้าใจกันดี หลังคบกันได้ 2 ปี ตนจับได้ว่า ตำรวจหนุ่มไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทางภาคใต้ เป็นเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ และขายหวยใต้ดิน ซึ่งตำรวจหนุ่มยอมรับกับตนว่า แอบไปคบหากับผู้หญิงคนนี้จริง แต่คบเพื่อผลประโยชน์ เพราะไปเอาเงินเขามา 7-8 แสนบาท ทำให้เลิกไม่ได้ ขอคบไว้อีกคน
ตนจึงตัดสินใจให้ตำรวจหนุ่มจดทะเบียนสมรสกับตน โดยทำข้อตกลงว่า ยินยอมให้มีผู้หญิงอีกคน แต่ห้ามมีลูกหรือมีพันธะผูกพันใดๆ หลังจากนั้น ตนและสามีก็ใช้ชีวิตร่วมกันปกติเป็นคู่ผัวตัวเมีย ฝ่ายสามีก็ยังไปมาหาสู่กับเจ้าแม่เงินกู้รายนี้เหมือนเดิม
กระทั่งมีอยู่คืนหนึ่ง เจ้าแม่เงินกู้โทรเข้ามาหาสามีกลางดึก แต่สามีนอนหลับแล้ว ตนจึงรับสาย และเจ้าแม่เงินกู้พูดด้วยเสียงตกใจถามว่า ไหนสารวัตรหนุ่มบอกว่าเลิกกันแล้ว ตนจึงบอกไปว่า ยังไม่ได้เลิกกันและ ตอนนี้ตั้งท้องอยู่ 7 เดือนด้วย จากนั้นฝ่ายหญิงก็วางสายไป เช้ารุ่งขึ้นตนรีบออกไปทำงานก่อนที่สามีจะตื่น เพราะกลัวว่าถ้าสามีรู้ว่าไปยุ่งกับโทรศัพท์มือถือและไปคุยกับผู้หญิงของเขาตนจะถูกทำร้ายเหมือนครั้งก่อนที่ผ่านมา
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ช่วงดึกหลังสามีออกเวร สามีรู้ว่าตนคุยกับเจ้าแม่เงินกู้ สามีปรี่เข้ามารัวแข้ง เตะแบบไม่ยั้ง จนตนเองต้องร้องขอชีวิตและบอกว่ามีลูกอยู่ในท้องนะ สามีจึงยอมหยุด แต่ไม่ยอมพาตนไปหาหมอ ตนต้องหอบสังขารไปขอความช่วยเหลือจากข้างห้องให้พาไปโรงพยาบาล ซึ่งหมอบอกว่ามีภาวะเสี่ยงแท้งให้ดูแลตัวเองดีๆ ตนจึงไปแจ้งความและฟ้องศาลเยาวชน
โดยศาลสั่งว่า ห้ามฝ่ายชายทำร้ายร่างกายอีกและให้กลับมาดูแลภรรยาจนกว่าจะคลอด สามีก็ทำตามคำสั่งศาล จนถึงวันคลอด แต่หลังออกจากโรงพยาบาลสามีเริ่มเปลี่ยนไปอีกไม่ค่อยกลับบ้านอ้างว่าไปราชการต่างจังหวัดและไม่เคยมาดูแลตนกับลูกเลย จนตนต้องให้พี่สาวมาช่วยเลี้ยงลูก
ต่อมา ตนจับได้อีกว่า สามีไปยุ่งเกี่ยวกับสาวอีกราย ที่จับได้เพราะตนเข้าไปเล่น TikTok และไปเจอช่องหนึ่งกำลังไลฟ์สดขายสบู่และลงคลิปขายสบู่ ขายของออนไลน์ ตนตกใจมาก เพราะสารวัตรในคลิป คือสามีตนเอง ใส่เครื่องแบบเต็มยศ present ตัวเองต่างๆนาๆ ว่า เป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี สินค้าของเรามีทั้งสบู่อาหารเสริมมั่นใจเลยว่าเป็นของดีการันตีด้วยตัวเอง
พอตนเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเข้าไปส่องให้ลึกลงไปอีกและดูคลิปต่างๆที่สามีมีการลงไว้ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนนึงที่จะอยู่ในคลิปด้วยแต่ไม่เห็นหน้าเต็มๆมาแค่เสียงบ้างมาแค่มือบ้างมีการลูบไล้ขาของสามีตนและเสียงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างกระหนุงกระหนิง ตนมั่นใจเลยว่าเป็นเสียงของสามีและขาของสามีตนเองแน่นอน ตนดูทุกคลิปขุดจนเจอว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือเจ้าของสบู่แบรนด์ดังใน tiktok นั่นเอง
หลังจากตนเห็นคลิป เก็บหลักฐานและสืบจนมั่นใจแล้วว่า ทั้งคู่น่าจะมีสัมพันธ์กันเกินเลย ตนจึงถามสามี แต่สามีอ้างว่าเป็น content เพื่อเพิ่มยอดขายและตัวเองในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์ดังกล่าวก็ต้องไลฟ์สดช่วยกันขายของ ตนไม่เชื่อจึงพยายามติดต่อไปที่ฝ่ายหญิงเจ้าของแบรนด์
ปรากฏว่า ฝ่ายหญิงอ้างแบบเดียวกันว่า เป็นแค่คอนเทนต์ ไม่มีอะไรเกินเลย แถมขู่ฟ้องตนกลับด้วย โดยอ้างว่าสามีตนเอาเงินไป 300,000 บาทเพื่อมาใช้หนี้ให้กับตน เพราะฉะนั้นจะต้องฟ้องเพื่อให้ตนรับผิดชอบด้วย ซึ่งภรรยายืนยันว่าตนเองไม่เคยได้เงินแสนจากสามีเลยมีแต่หลักร้อยหลักพันที่สามีให้ค่าเลี้ยงดูให้ค่านมลูกเท่านั้น
และตั้งแต่จับได้สามีก็ไม่ค่อยกลับบ้านไม่เคยมาอธิบายเรื่องราวต่างๆเลย หายไปเป็นอาทิตย์ ซึ่งตนเคยไปร้องเรียนและทวงถามความเป็นธรรมที่หน่วยงานต้นสังกัดของสามี ผู้บังคับบัญชาเคยเรียกมาพูดคุย และให้สามีหยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบและสามีก็ยังไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเจ้าของแบรนด์อย่างสนิทสนมเกินเลยเหมือนเดิม
ตนจะเดินหน้าฟ้องชู้และฟ้องหย่ารวมถึงฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูจากสามีด้วย ส่วนความผิดทางวินัยอยากให้มีการตรวจสอบว่าการใส่เครื่องแบบตำรวจไลฟ์สดขายของออนไลน์ ในลักษณะนี้สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม
ด้าน เจ้าของสบู่แบรนด์ดัง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม ได้ส่งแชทหลักฐานมาชี้แจงกับทีมข่าวว่า ฝั่งภรรยา ภรรยาของสารวัตรมีพฤติกรรมชอบข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ และตามระรานสารวัตรตลอดเวลา ชอบสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกาย เพื่อให้สารวัตรอับอายคน
ซึ่งสำหรับตนกับสารวัตรมีความสัมพันธ์กันในฐานะนายจ้างและลูกจ้างเท่านั้น เนื่องจากตัวสารวัตรรายนี้มากู้หนี้ยืมสินตนประมาณ 1 ล้านบาท เพราะมีปัญหาเรื่องรายจ่ายในครอบครัว ตัวภรรยาภรรยาก็ติดการพนันออนไลน์เคยเอารถไปจำนำถึง 2 รอบ
ครั้งนี้ตนก็ได้รับการข่มขู่จากฝ่ายภรรยาว่าจะทำให้อับอายจะแฉเรื่องนี้กับนักข่าวว่าตนกับสารวัตรเป็นชู้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ซึ่งตนยืนยันว่ามันคือคอนเทนต์ขายของ และอีกเหตุผลหนึ่งเพื่อประชดฝั่งภรรยา เพราะตนเองก็รับไม่ได้ที่ตัวสารวัตรจะต้องถูกภรรยาข่มขู่เรียกเงิน ขู่ร้องวินัย จนสารวัตรเกิดความเครียดสะสมและมาปรึกษาตน
ตนรักและเอ็นดูสารวัตรคนนี้เป็นน้องชายคนหนึ่ง เป็นเหมือนคนในครอบครัว หลังจากนี้ทางสารวัตรได้ปรึกษาทนายแล้วว่าจะฟ้องหย่าภรรยา เพราะสารวัตรไม่ได้รักภรรยา ที่จดทะเบียนสมรสเพราะถูกหลอก ถูกบังคับ ส่วนเรื่องลูก ทางสารวัตรต้องการให้ตรวจ DNA ถ้าเป็นลูกของสารวัตรจริงก็จะรับผิดชอบตามกำลังที่ไหว เพราะเงินเดือนถูกตัด ถูกหัก เหลือ 7,000 กว่าบาท ส่วนตนเองก็จะเดินหน้าฟ้องภรรยาเหมือนกันที่ทำให้แบรนด์สบู่ของตนได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้เจ้าของแบรนด์สบู่ ยังพูดในไลฟ์สดว่า เตรียมข้อมูลหลักฐาน เอกสารทุกอย่างที่จะแฉกลับทางภรรยา ว่าจริงๆแล้วภรรยาตั้งใจแต่งเรื่องเท็จเล่าออกสื่อ เพื่อมาขู่กรรโชกทรัพย์สามีตัวเองและเคยขู่หลายครั้งว่าจะเอาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ถึงขั้นออกจากราชการ ถ้าไม่ยอมให้เงิน ที่สำคัญภรรยาหลอกสามีจดทะเบียนสมรสและสามีก็มาจับได้ภายหลังอีกว่า ภรรยาก็มีการคุยกับชายอื่นในทำนองชู้สาวเหมือนกัน