"หมอเหรียญทอง" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง

"หมอเหรียญทอง" ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความ ทวงหนี้ สปสช. กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อต่อรอง ก่อนผู้ป่วย 2 แสนคนจะถูกลอยแพ

กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตสนใจขึ้นมาทันที เมื่อนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ถามหาเงินจาก สปสช. ที่ติดค้างหนี้อยู่ถึง 20 ล้านบาท

 

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง

หมอเหรียญทอง ระบุข้อความว่า "เรียนผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ เนื่องจาก สปสช. ไม่จ่ายหนี้ค้างชำระค่าแพทย์จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาท ตามที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะซึ่งเป็น รพ.ทุติยภูมิรับส่งต่อให้แก่คลินิกปฐมภูมิของ สปสช. จำนวนมาก 

 

 

โดยสัญญาว่าจะหักจ่ายจากคลินิกปฐมภูมิที่ส่งตัวผู้ป่วยบัตรทองมารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค.67 ทั้งนี้ สปสช. นำทีมโดย พญ.ลลิตยา รองเลขาธิการ สปสช. เป็นหัวหน้าคณะ , ทพญ. น้ำเพชร ผอ.สปสช.เขต 13 และคณะ สปสช.เขต 13 ได้เดินทางมาขอความร่วมมือจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยตกปากรับคำว่าจะไม่เบี้ยวหนี้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ ก.ย.63 อีก

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง


แต่ สปสช. ได้เบี้ยวหนี้ด้วยการออกประกาศหลักเกณฑ์ไม่จ่ายค่าแพทย์ในกรณี OP-Refer และ OP-Anywhere  ในเดือน ก.ค.67 โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 ทำให้หนี้ค่าแพทย์จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาทที่ รพ.ต้องจ้างแพทย์เฉพาะทางกลายเป็นหนี้สูญตราบจนปัจจุบัน

 


ยังไม่นับรวมกับการลดอัตราจ่ายตามรายการ Fee schedule ที่เป็นราคากลางที่ สปสช.จะต้องหักจ่ายจากคลินิกทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะประสบปัญหาขาดทุนจำนวนมาก นอกจากนี้คลินิกปฐมภูมิของ สปสช จำนวนมากก็ 'เหนียวหนี้' ปฏิเสธการจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีกมากกว่า 30 ล้านบาท โดยเหนียวหนี้นานกว่า 7 เดือน ทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช.

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง

 

 

ทั้งนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะได้พยายามแก้ปัญหาผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช ด้วยการจ่ายยาไม่เกิน 7 วันจนในสิ้นเดือน ต.ค.67 นี้ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่มีเงินที่จะจัดซื้อยาเพื่อจ่ายยาให้แก่ ผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช. ได้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้ง สปสช. ก็ไม่จ่ายค่าแพทย์ให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันจนมียอดหนี้สูญค่าแพทย์มากกว่า 20 ล้านบาท


ดังนั้นตั้งแต่ 1 พ.ย.67 รพ.มงกุฎวัฒนะจึงไม่มีสภาพคล่องทางการเงินที่จะจัดซื้อยาและจ้างแพทย์เพื่อให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ 
รพ.มงกุฎวัฒนะจึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยบัตรทองที่มาจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.67 เป็นต้นไปจนกว่า สปสช.จะเคลียร์หนี้ค่าแพทย์ตามที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อ 1 มี.ค.67
 

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง

และเคลียร์หนี้ค้างจ่ายที่คลินิกปฐมภูมิส่งตัวผู้ป่วยบัตรทองมารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค.67 ไม่ใช่อัตราที่ สปสช.ประกาศใน ก.ค.67 แล้วมีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา


อย่างไรก็ตาม รพ.มงกุฎวัฒนะได้เสนอหนทางแก้ปัญหาดังกล่าวต่อ สปสช.เขต 13 ด้วยการขอให้ สปสช.ขยายเพดานขึ้นทะเบียนรับผู้ป่วยบัตรทองโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 250,000 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิต่างๆ โดยให้มาขึ้นทะเบียนโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เดือดร้อนจากปัญหา 'เบี้ยวหนี้' และ 'เหนียวหนี้' อีก
ปัญหา 'เบี้ยวหนี้' โดย สปสช ได้เกิดขึ้นกับ รพ.มงกุฎวัฒนะจำนวน 13.2 ล้านบาท เมื่อ ก.ย.63 จน รพ.มงกุฎวัฒนะฟ้องต่อศาลปกครอง 


แต่ศาลปกครองไม่ได้มีความคืบหน้าในการพิจารณามานานถึง 4 ปีแล้ว จนกระทั่ง รพ.มงกุฎวัฒนะต้องประสบปัญหา 'เบี้ยวหนี้และเหนียวหนี้' ในปีงบประมาณ 67 อีก ทั้งยังมากมายมหาศาลจนทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องทางการเงิน

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง


ดังนั้นหาก สปสช มีความจริงใจในการแก้ปัญหาผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ สปสช.จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด
1. เคลียร์หนี้ค่าแพทย์ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อ 1 มี.ค.67 ไม่ใช่ออกประกาศอัตราที่ สปสช.ประกาศใน ก.ค.67 แล้วให้มีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา
2. เคลียร์หนี้ค้างจ่ายที่คลินิกปฐมภูมิส่งตัวผู้ป่วยบัตรทองมารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค.67 ออกประกาศอัตราที่ สปสช.ประกาศใน ก.ค.67 แล้วให้มีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา
3. ขยายเพดานขึ้นทะเบียนรับผู้ป่วยบัตรทองโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากปัจจุบัน 50,000 คนเป็น 250,000 - 300,000 คน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช ต้องเดือดร้อนจากการที่ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดทุนและขาดสภาพคล่องทางการเงินจากปัญหา 'เบี้ยวหนี้' และ 'เหนียวหนี้' จากระบบส่งต่อหรือ OP-Refer อีก
4. หาก สปสช.ไม่รีบดำเนินการในข้อ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.67 ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช มากกว่า 200,000 คน จะไม่สามารถมารับการตรวจรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะได้
5. สำหรับผู้ป่วยบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ต้องกังวลใจ ยังคงใช้บริการตามปกติ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
25 ต.ค.67 เวลา 21:01 น."

 


อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ดังกล่าวแล้ว หมอเหรียญทอง ยังไม่ความคืบหน้าเพิ่มเติม มีเพียงแค่บอกว่า "คนที่ทำประกันสังคมกับรพ.มงกุฎวัฒนะยังใช้บริการได้ตามปกติ" 
 

\"หมอเหรียญทอง\" ทวงหนี้ สปสช.กว่า 20 ล้าน ยื่น 5 ข้อ ก่อนหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง