- 31 ต.ค. 2567
เปิดตารางวันหยุด เภสัชกรหนุ่ม โรงพยาบาลพระราม 9 ก่อนเกิดเหตุสลด เภสัชกรหลายที่แชร์ประสบการณ์บอกการขายเวรสามารถทำได้
"เภสัชกร รพ.พระราม 9" กำลังเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้ หลังจากการเสียชีวิตของ เภสัชกรหนุ่มโรงพยาบาลพระราม 9 ตัดสินใจก่อเหตุสลด ซึ่งก่อนก่อเหตุได้บอกเหตุผลว่า แค่คิดว่าการที่ต้องไปทำงานและเจอหน้าคนที่ไม่เคยเห็นค่าก็เหนื่อยแล้ว ไลน์ที่ทำงานก็ Toxic จะไปต่อก็มีปัญหาหลายอย่าง สุดท้ายเราแค่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ไม่มีจุดหมาย
ทั้งนี้ยังมีหารเปิดเผยแชทระหว่างหัวหน้า กับเภสัชกรหนุ่มผู้เสียชีวิต นับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 โดยในช่วงแรก เหมือนกับว่าทางหัวหน้าจะยื่นข้อเสนอให้เภสัชกรไปทำงานในคลังยา เพราะทางหัวหน้าเห็นว่าเภสัชกรขายเวรให้เพื่อนมากเกินไป หากทำงานที่คลังยาจะเป็นเวรสั้น ไม่มีกะดึก มีวันหยุดที่แน่นอนกว่า และจะได้ไม่ลำบากใจที่ต้องมาเป็นลูกน้อง
แต่ทางเภสัชกรได้ขอโทษ และบอกว่าเรื่องขายเวรนั้น ได้คุยกับที่รับซื้อเวรไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้มีการขายเวรเพิ่ม หรือติดต่อไปขายเวรเพิ่มแต่อย่างใด แต่ทางหัวหน้าบอกว่า "ไม่เกี่ยวกับการขายเวร" ในอีกแชทหนึ่ง ทางหัวหน้าก็พูดประเด็นเรื่องการขายเวรอีก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การบอกให้เภสัชกรย้ายไปทำงานอื่น แต่เป็นการบอกให้ลาออก
โดยหัวหน้างานบอกว่าเป็นห่วง ไปพักผ่อนจิตใจดีกว่า การฝืนอยู่ไม่ช่วยอะไร ถ้าต้องขายเวรขนาดนี้ ให้พักผ่อนจิตใจให้มีความสุขจะดีกว่า สงสารคนอื่นๆ ที่ต้องมารับเวรแทน และทางเภสัชกรก็ดูไม่มีใจจะทำงานแล้ว หรือถ้าไม่อยากทำงานนี้แล้ว จะลาไปเที่ยวหรือพักผ่อนจิตใจดูก็ได้ ดีกว่าที่จะต้องฝืนมาทำงานแบบนี้ และทางเภสัชกรก็ตอบว่าในเรื่องลาออกว่า ตอนนี้ตนยังไม่พร้อมไป ตนอยู่เวรดึกได้ แต่เผื่อมีคนสนใจ และตนจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่อไป
และอีกแชท ก็ดูเหมือนว่าทางหัวหน้างานจะไม่พอใจเภสัชกรเรื่องตารางเวร โดยเฉพาะเรื่องวันหยุดของเภสัชกร และการขายเวร ทำให้หัวหน้างานตำหนิเภสัชกรว่า "จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลง เธอมีสิทธิ์ตรงไหนมาจัดการ เธอเป็นหัวหน้าพี่เหรอ เป็นหน้าที่ของพี่ หรือหน้าที่ของเธอ ถ้าทำงานไม่ได้ ลาออกได้นะครับ ประวัติการทำงานจะได้ไม่เสีย" ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะเป็นการตำหนิการทำงานในกรุ๊ปไลน์ใหญ่
จากเรื่องดังกล่าวทำให้หลายๆ คนที่เป็นเภสัชกรออกมาแชร์ประสบการณ์ในการทำงานในทางสายนี้ ซึ่งหลายๆ บอกว่า การที่ลูกน้องขายเวรจะไม่ใช่เรื่องผิด และเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่บางโรงพยาบาลจะมีกฎเรื่องชั่วโมงการทำงานขั้นต่ำเอาไว้ หากจะหยุด ก็ต้องดูว่าลาเยอะไหม และขายเวรให้ใคร พาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ หากขายเวรให้พนักงานฟูลไทม์หยุดติดกันหลายวัน จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและการดูแลคนไข้ที่จะลดลง จากการพักผ่อนน้อยของทุกคน
ปกติแล้ว โรงพยาบาลจะจ้างงานตามจำนวนคนไข้ และกระจายงานและวันหยุดออกไปตามศักยภาพและเภสัชกรจะรู้ว่า เภสัชกรในห้องยามักจะไม่พอ หากมีใครสักคนที่หยุดเกินโควต้า จะส่งผลอันตรายต่อคนไข้แน่นอน และนี่จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่หัวหน้าโกรธ
และต่อให้มีคนยอมรับซื้อเวรต่อ แต่คนที่รับซื้อเวรไป ก็อาจจะไม่พอใจ ไปบ่นลับหลังกับหัวหน้าหรือเปล่า หรือยอมรับเวรให้เพราะเกรงใจ รับเพราะกลัวว่าถ้าตัวเองจะขายเวรบ้าง จะไม่มีคนรับซื้อ หรือรับซื้อเวรเพราะเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามา ไม่กล้าปฏิเสธรุ่นพี่ เรื่องนี้ไม่รู้ข้อเท็จจริง
หัวหน้าก็ทำเกินเหตุที่มีการตำหนิลูกน้องลงกลุ่ม ไม่ว่าเภสัชกรจะมีภาวะซึมเศร้าหรือไม่ ก็ไม่ควรทำ เพราะอาจทำให้เข้าหน้ากับเพื่อนไม่ได้ เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ในการบริหารจัดการของหัวหน้า และการเลือกวิธีการบริหารคน พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีกว่าจะที่จะใช้ความโกรธ
สำหรับตารางวันหยุดของ เภสัชกรของโรงพยาบาลที่เกิดเรื่องนั้น ในแต่ละเดือน ทุกคนจะได้มีวันหยุดคนละ 8 วัน แต่สลับวันหยุดกันไป จึงมีคนแนะนำว่า แต่ละคนก็มีแพลนสำคัญอยู่แล้ว 3 - 4 วัน ถ้าทุกคนมีสิทธิ์ที่ไม่ต้องโดนบังคับลงเวรเดือนละ 3 - 4 วัน ก็น่าจะช่วยในเรื่องการจัดการวันหยุดได้ง่าย โดยที่ทุกคนลงวันหยุด 8 วัน ขอล็อกวันหยุดได้ 3 วัน วันอื่นเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าวันหยุดชนกัน ต้องบังคับลงเวร ก็เลือกจับคนที่ไม่ได้ล็อกวันหยุดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม เพื่อนสนิทของเภสัชกรที่เสียชีวิต เผยแชทที่พบว่า ทางเภสัชกรโดนหัวหน้ากดดันให้ลาออก อันเนื่องมาจากการที่เภสัชกรต้องการที่จะขายเวร 17:00 น. - 21:00 น. และเมื่อหัวหน้ามาเห็นแชท ก็บอกเภสัชกรว่า ไปทำงานออฟฟิศหรืองานร้านขายยาดีกว่าไหม ดูจะเป็นทางเลือกที่โอเคมากกว่า การขอเวรดึกในตารางเอาไว้ เพื่อเอาสิทธิ์วันหยุด แล้วเอาเวรดึกไปปล่อยให้คนอื่น แต่วันหยุดตัวเองก็ยังคงได้เหมือนเดิม ดูจะเป็นการ "เห็นแก่ตัว"