- 09 พ.ย. 2567
หนุ่มผูกคอดับภายในบ้าน พ่อเชื่อลูกถูกทำคุณไสย พร้อมเล่าเรื่องราวสุดขนลุกที่เจอ ก่อนเกิดเหตุการณ์สลดขึ้น
พันตำรวจโท ทนงศักดิ์ ปลั่งกลาง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิตจากการผูกคอตนเองภายในบ้าน ซอย ประชาอุทิศ 54 แยกย่อยซอยที่ 4-1 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ )เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านเลขที่ 35 ท้ายซอยประชาอุทิศ 54 แยกย่อยซอยที่ 4 - 1 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร บ้านหลังดังกล่าวเป็นลักษณะอาคารปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด จุดเกิดเหตุอยู่บนห้องโถงของชั้นที่ 2 จากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบร่างของนาย เอกพงษ์ ลีสินลา อายุ 41 ปี ร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในลักษณะ ห้อยตัวเท้าลอยเหนือพื้น ที่ลำคอของร่าวผู้เสียชีวิตพบสายไฟผูกกับคานกลางบ้าน การแต่กายสวมใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีขาว สวมถุงเท้าสีดำ
ใกล้กันกับร่างผู้เสียชีวิตบริเวณปลายเท้าพบเก้าอีกลม 1 ตัว ซึ่งคาดว่าผู้เสียชีวิตใช้ยืนเพื่อต่อขาแล้วเอาคอเขาไปภายในห่วงของสายไฟแล้วทิ้งตัวลงมา และบริเวณด้านข้างหิ้งพระพบปลั๊กไฟต่อพ่วง ซึ่งมีล่องลอยของการถูกดึงสายไฟออกมาแล้วอยู่ 1 ตัว ซึ่งคาดว่าผู้เสียชีวิตได้ดึงสายไฟออกจากปลั๊กไฟดังกล่าวแล้วนำเอาสายไฟพาดผ่านกับคานบ้านแล้วผูกเป็นปมแล้วลงมือก่อเหตุผูกคอตนเอง ส่วนบริเวณที่พบร่างผู้เสียชีวิตนั้นก็จะพบกับหิ้งพระขนาดใหญ่มีพระพุทธรูป รวมทั้งองค์เทพอีกหลายองค์ แล้วยังพบรูปปั้นกุมารทองอีกมากมายหลายขนาด จัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วบนหิ้งพระจะสังเกตุเห็นวุตถุมงคลอีกหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งทางญาติของผู้เสียชีวิตบอกว่าหิ้งพระดังกล่าวเป็นของผู้ตายเอง ซึ่งเมื่อก่อนผู้ตายเป็นสายมูตัวยง แล้วยังเป็นนักสะสมรูปปั้นรูปเคารพที่แทนองค์เทพหลากหลายองค์อีกด้วย
จากการสอบถาม นาย พริ้ม รีสินลา อายุ 67 ปี ผู้เป็นพ่อของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ลูกชายของตน เป็น LGBT ซึ่งเมื่อก่อนเขาทำงานโรงแรม แห่งหนึ่ง และเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก หน้าที่การงานถือว่าดีมากเลยทีเดียว แล้วต่อมาเขาได้ไปคบหาดูใจกับชายหนุ่มเวียงจันทน์ พอคบกันได้สักพักก็เลิกลากันไป หลังจากที่เลิกกับหนุ่มเสียงจันทน์ก็จะมีอาการแปลกๆอยู่ตลอดเวลา ชอบคิดฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลา แล้วก็เคยลงทำร้ายตนเองด้วยการกระโดดจากสะพานภูมิพล มาแล้วถึง 2 ครั้งแต่ก็รอดมาได้
หลังจากนั้นตนก็พยายามที่จะพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลบางประกอก 3 แล้วทางโรงพยาบาลส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านสมเด็จ เพราะตรวจสอบแล้วมีภาวะเป็นโรคซึมเศร้า ก็ได้ยามากินเพื่อรักษาอาการ แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อสามถึงสี่เดือนก่อนหน้านี้ ก็ได้ทำร้ายตนเองด้วยการผูกคอตนเองมาแล้วแต่เชือกขาดจึงตกลงมาแขนหักซะก่อน แล้วก็มาก่อเหตุในครั้งนี้จึงเป็นผลสำเร็จ
ก่อนที่เขาจะเขาจะก่อเหตุผูกคอ เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาเขาไปหาหมอก็ได้รับยากลับมาเหมือนเดิมแล้วก็บอกว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน ตนก็ให้ไปแล้วยังบอกว่าอย่าลืมเอายาไปกินด้วย เขาก็บอกว่าเตรียมแล้ว จนมาวันนี้ลูกสาวตนกลับมาถึงบ้านประมาณห้าโมงกว่า เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายจอดอยู่หน้าบ้านจึงรู้ว่าผู้ตายกลับมาแล้วจึงไขกุญแจเข้าบ้านก็เห็นข้าวของวางอยู่บนโต๊ะมองไปที่ห้องน้ำไฟก็ไม่ได้เปิด ก็เลยคิดว่าผู้ตายคงขึ้นไปนอน พี่สาวก็เลยเดินขึ้นไปดูเพราะว่าตะโกนเรียกก็ไมได้ยินเสียงตอบรับระหว่างเดินขึ้นบันได มองไปก็เห็นว่าผู้ตายผูกคอแล้วก็เลยตกใจ รีบวิ่งลงมาข้างล่างแล้วโทรหาผู้เป็นพ่อให้รีบกลับมา แล้วไปตามผู้ชายข้างบ้านให้มาช่วยดูให้แน่ใจว่าใช่หรือไม่ พอหลังจากนั้นตนกลับมาถึงบ้าน ก็เลยโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ส่วนตนนั้นเชื่อว่า ตั้งแต่ที่เขาไปคบกับหนุ่มเวียงจันทน์ก็มีท่าทีแปลกๆเหมือนคนโดนของ โดนคุณสัย เพราะตนเคยเจอปลัดขิกสีน้ำตาลอันใหญ่มากเท่าแขนเป็นเนื้อไม้ อยู่ในครัวแล้วก็ยังพบลูกประคำสีดำวางอยู่ด้วยกัน พอถามคนในบ้านก็ไม่มีใครรับว่าเป็นเจ้าของและไม่รู้ที่มาที่ไปว่ามาได้อย่างไร ตนจึงนำออกจากบ้านแล้วไปให้คนอื่นต่ออีกที แต่พอมาคิดดูแล้วตรงนี้อาจจะเป็นถูกทำคุณไสยมนต์ดำ จึงทำให้ลูกชายของตนเป็นแบบนี้ก็เป็นได้ หลังจากนี้ก็จะนิมนต์พระมาสวดเพื่อถอนคุณไสยมนต์ดำที่อยู่ภายในบ้านเพื่อความปลอดภัย และเพื่อความสบายใจของคนในบ้านด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเเพทย์นิติเวชได้ตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตแล้วไม่พบร่องรอยบาดแผลบนร่างผู้เสียชีวิตนอกจากที่คอของผู้ตายเป็นรอยที่ถูกสายไฟรัดคอจากการผูกคอเท่านั้น และไม่พบการถูกลื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน แล้วไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ ส่วนผู้เสียชีวิตน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงเพราะร่างกายเริ่มแข็งตัวแล้ว แต่อย่างไรแล้วจะต้องนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และเมื่อตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมอบให้ญาตินำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ซึ่งทางญาติจะนำร่างผู้เสียชีวิตไปตั้งสวดพระอภิธรรมศพที่ วัดอำพวัน อำเภอ วิเชียรบุรี จังหวัด เพชรบูรณ์ ส่วนจะมีกำหนดตั้งสวดพระอภิธรรมศพกี่วันนั้นต้องรอปรึกษากับทางญาติพี่น้องดูอีกทีถึงจะกำหนดวันได้