- 23 พ.ย. 2567
ตำรวจออกหมายจับ “หมอบุญ พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน จับแล้ว 6 คน เปิดผังการฉ้อโกง พบข้อมูล หมอบุญ บินหนีไปต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 67
จากการจับกุมเครือข่าย"หมอบุญ"นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี พร้อมครอบครัว ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชนผ่านโครงการลงทุน ในรูปแบบทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน จ่ายเช็คเด้ง หลอกลงทุนในธุรกิจการแพทย์โครงการสุขภาพ พบผู้เสียหายกว่า 500 ราย เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท
โดย พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำหลักฐานขอศาลอาญาออกมาจับ นายแพทย์บุญ วนาสินอายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี พร้อมภรรยา บุตรสาว และพวกรวม 9 คน เมื่อวันที่ วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ โดยมีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง
- เปิดผัง หมอบุญ และพวก ฉ้อโกงเกือบหมื่นล้าน
เอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 กรณีที่ไม่สามารถนำเช็คเงินสดของนายแพทย์บุญ ไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนตุลาคม 2567 จำนวนกว่า 527 คน
ข้อมูลการสืบสวนของตำรวจพบว่า ในห้วงวันที่ 2 ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ เกี่ยวกับธุรกิจการแพทย์ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรงพยาบาลทั้งไทยและต่างประเทศ
โดยกลุ่มผู้ต้องหามีการชักชวนนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยคนเข้าร่วมลงทุน ในรูปแบบทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ โดยมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา ในช่วงแรกให้ดอกเบี้ยกับผู้ที่เข้าร่วมลงทุนตามสัญญา แต่ต่อมาไม่ได้ชำระดอกเบี้ยตามกำหนด
ในส่วนเช็คที่ออกไว้ให้ก็ไม่สามารถนำไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีจนกระทั่งนำไปสู่การออกมาจับในครั้งนี้
ศาลอาญาได้ออกหมายจับนายแพทย์บุญ 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาเช็คเด้ง หรือออกเช็คแล้วขึ้นกับธนาคารไม่ได้
นอกจากนายแพทย์บุญ แล้ว ศาลยังได้ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 8 คน ได้แก่
- นางสาวจิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัวนายแพทย์บุญ
- นางสาวศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน
-
- นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ
- นางสาวนลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ
- นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน
- นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน
- นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน
- นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา
ทั้ง 8 คน ถูกออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 คน ยังเหลืออีก 3 คน คือ นายแพทย์บุญ ภรรยาและบุตรสาว
ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 กันยายน 2567 ไปยังประเทศจีน ส่วนภรรยาและบุตรสาว ได้เข้ามามอบตัวแล้ว ในวันที่ 23 พ.ย.67 ช่วงเวลา 13.00น.
โดย นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ พร้อมด้วย น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ
ทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหาในหมายจับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยมี นายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ ที่ห้องประชุม บก.น.1 ชั้น 3 อาคาร บช.น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางจารุวรรณฯ สวมเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีชมพูอ่อน สวมแว่นตาดำ ถือกระเป๋าสีน้ำตาล และน.ส.นลิน สวมเสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน เดินมามีทนายและลูกช่วยกันพยุงนางจารุวรรณฯ ขึ้นมาพบตำรวจนั้นผู้สื่อข่างพยายามสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่นางจารุวรรณ และน.ส.นลิน ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ
โดย นายชำนาญ ทนายความ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ทางลูกความตนทั้งนางจารุวรรณ และน.ส.นลิน บอกว่า ถูกปลอมแปลงลายเซ็น
โดยไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนทำ แต่มีการปลอมแล้วนำเอกสารพวกนี้ไปใช้กู้ยืมเงินตามที่ปรากฎเป็นข่าว ยืนยันว่าไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร แต่มาทราบตอนที่มีหมายศาลฟ้องมาเป็นระยะ ที่ตัวนางจารุวรรณฯ เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่า กรณีที่มีการกู้ยืมเงิน และค้ำประกันต่างๆ เป็นลายเซ็นปลอมทั้งหมด โดยตัวนางจารุวรรณ ไม่เคยไปกู้ยืมเงินแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้เซ็นค้ำประกัน