ลุ้นคุก สาวเห็นแก่เงินหมื่น ทำผิดทั้งที่รู้ สุดท้ายโดนรวบรับกรรม

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า แลกกับค่าตอบแทนหลักหมื่น ถูกจับกุมดำเนินคดีลุ้นโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. (นครปฐม) ร่วมกันจับกุมรวบสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า แลกกับค่าตอบแทนหลักหมื่น ถูกจับกุมดำเนินคดีลุ้นโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท โดยได้จับกุม น.ส.กุลณัฐฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 569/2567 

 

ลุ้นคุก สาวเห็นแก่เงินหมื่น ทำผิดทั้งที่รู้ สุดท้ายโดนรวบรับกรรม
 

ลุ้นคุก สาวเห็นแก่เงินหมื่น ทำผิดทั้งที่รู้ สุดท้ายโดนรวบรับกรรม

 

วันที่ 5 กรกฎาคมคม พ.ศ. 2567 กระทำความผิดฐาน "เปิดหรือยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใดและเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน "

สถานที่จับกุม ตลาดศาลายา อ.ศาลายา จ.นครปฐม

พฤติการณ์ เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นายเอ (ผู้เสียหาย) ได้เห็นประกาศรับสมัครงานผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ "นู๋หยก มนัณญา" (เพจมิจฉาชีพ) โดยเพจดังกล่าวได้ประกาศหาคนมาทำงานออนไลน์ โดยเป็นงานกรอกข้อมูลลงระบบแลกกับค่าตอบแทนหลักหมื่น เมื่อนายเอฯ เห็นประกาศก็หลงเชื่อเข้าไปสมัครงานกับเพจดังกล่าว จากนั้นนายเอฯ ได้ถูกชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ ซึ่งในกลุ่มก็จะมีทั้งผู้เสียหายรายอื่นและหน้าม้าที่เป็นมิจฉาชีพ โดยในกลุ่มจะมีแอดมินที่ทำหน้าที่จ่ายงานให้สมาชิกในกลุ่มได้ทำ โดยมีเงื่อนไขว่า

ลุ้นคุก สาวเห็นแก่เงินหมื่น ทำผิดทั้งที่รู้ สุดท้ายโดนรวบรับกรรม

 

สมาชิกทุกคนจะต้องโอนเงินมาเพื่อเป็นหลักประกันว่ารับงานแล้วจะไม่ทิ้งงาน หากทำงานเรียบร้อยก็จะได้เงินประกันคืนพร้อมกับเงินค่าตอบแทน ซึ่งมิจฉาชีพจะทำให้ดูก่อนเพื่อล่อลวงให้นายเอฯ หลงเชื่อและยอมจ่ายเงินประกันเพื่อรับงาน แต่เมื่อนายเอฯ ทำงานเรียบร้อยเเล้ว นายเอฯ กลับไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด อีกทั้งยังถูกแอดมินและหน้าม้าชักชวนให้จ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับภารกิจเพิ่ม โดยหลอกว่าจะได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนภายหลังนายเอฯ หลงเชื่อ โอนเงินไปให้มิจฉาชีพกลุ่มนี้ไปกว่า 130,000 บาท โดยเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.กุลณัฐฯ​ ภายหลังนายเอฯ จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล อ.ศาลายา จ.นครปฐม และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการขอให้ศาลจังหวัดอนุมัติหมายจับ น.ส.กุลณัฐฯ (เจ้าของบัญชีม้า) และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในครั้งนี้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐมได้ออกตรวจตราความเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ และได้รับแจ้งว่า น.ส.กุลณัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับได้เดินมาทำธุระที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ บริเวณตลาดศาลายา จากนั้นจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้น น.ส.กุลณัฐ ให้การรับสารภาพว่า เมื่อช่วงต้นปี 2567 ตนได้เห็นประกาศรับซื้อบัญชีธนาคาร ซิมการ์ดลงทะเบียนผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก (จำชื่อไม่ได้) ในราคาบัญชีละ 10,000 บาท โดยตนเองทราบว่านี้คือการเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ แต่ไม่ทราบว่ามิจฉาชีพจะนำไปใช้หลอกลวงประชาชนในรูปแบบใด ส่วนสาเหตุที่รับเปิดบัญชีม้าเพราะเห็นแก่ค่าตอบแทนที่สูงถึงหนึ่งหมื่นบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยสำหรับ การเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปขายให้กับผู้อื่นนำใช้งาน (บัญชีม้า) มีความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ